นักวิทยาศาสตร์กังวล “โควิด-19 กลายพันธุ์” ระบาดแล้ว 50 ประเทศทั่วโลก
คณะกรรมการภาวะฉุกเฉินขององค์การอนามัยโลก หรือ WHO จะร่วมประชุมในสัปดาห์นี้ เพื่อหารือเรื่องเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่จากแอฟริกาใต้และอังกฤษ ที่แพร่ระบาดอยู่ในอย่างน้อย 50 ประเทศทั่วโลก และสร้างความกังวลเรื่องการระบาดของโรคเป็นวงกว้าง โดยเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่สามารถแพร่กระจายได้ง่ายกว่าสายพันธุ์ที่พบในประเทศจีน ส่งผลให้หลายประเทศต้องประกาศล็อกดาวน์ครั้งใหม่
การกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสโคโรนา (Sars-CoV-2) สร้างความกังวลให้กับนักวิทยาศาสตร์ ที่กำลังเร่งค้นคว้าและหาคำตอบว่า วัคซีนที่มีอยู่ในตอนนี้จะช่วยป้องกันเชื้อไวรัสตัวนี้ได้หรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เชื้อไวรัสสายพันธุ์ 501Y.V2 ที่พบในแอฟริกาใต้ และสายพันธุ์ที่พบภายหลังในประเทศบราซิลและญี่ปุ่น อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า วัคซีนจะสามารถป้องเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ได้ แต่งานวิจัยก็ยังต้องใช้เวลาในการทดลองเช่นกัน
“การศึกษาในปัจจุบันระบุว่า คนที่ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่มีเชื้อไวรัสเพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้มีความสามารถในการแพร่กระจายเชื้อไปสู่คนอื่น ๆ หลักฐานที่มาสนับสนุนก็คือ ความรวดเร็วของจำนวนผู้ติดเชื้อในระลอกที่สอง ทั้งในแอฟริกาใต้และในอังกฤษ” มาร์ค เมนเดลสัน อาจารย์ประจำวิชาโรคติดเชื้อ มหาวิทยาลัยเคปทาวน์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม งานวิจัยก่อนหน้านี้ค้นพบว่า วัคซีนของบริษัทไฟเซอร์-ไบออนเทค สามารถป้องกันเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ชนิดนี้ได้ แต่ก็ยังต้องทำการศึกษาเพิ่มเติม เนื่องจากสายพันธุ์แอฟริกาใต้มีการกลายพันธุ์ที่มาก รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของหนามโปรตีนของเชื้อไวรัสด้วย
แม้เชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่ค้นพบในแอฟริกาใต้จะสร้างความกังวลให้กับนักวิทยาศาสตร์ แต่ยังมีเชื้อไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์ใหม่ที่เรียกว่า E484K ที่อาจแสดงผลให้วัคซีนมีประสิทธิภาพลดน้อยลง ซึ่ง WHO ระบุว่า เชื้อไวรัสสายพันธุ์นี้ถูกพบในประเทศญี่ปุ่น และกำลังทำการสอบสวนเพิ่มเติม
“ยิ่งเชื้อไวรัสโควิด-19 แพร่กระจายมากเท่าไร โอกาสที่มันจะเปลี่ยนแปลงก็มากขึ้นเท่านั้น การแพร่ระบาดที่สูงหมายความว่า เราจะพบกับสายพันธุ์ใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้น” WHO กล่าว