เนื้อหาในหมวด ข่าว

กรมอนามัยเตือน 1-7 มี.ค. นี้ ค่า PM2.5 เกินมาตรฐาน ย้ำภาคเหนือ กทม.และปริมณฑล เฝ้าระวัง

กรมอนามัยเตือน 1-7 มี.ค. นี้ ค่า PM2.5 เกินมาตรฐาน ย้ำภาคเหนือ กทม.และปริมณฑล เฝ้าระวัง

กรมอนามัยร่วมกับ GISTDA เตือน 1-7 มีนาคมนี้ ค่า PM2.5 จะอยู่ในระดับมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เน้นย้ำประชาชนเฝ้าระวังและป้องกันสุขภาพตนเองจากผลกระทบจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก 

กรมอนามัย ได้มีข้อตกลงความร่วมมือกับ GISTDA ร่วมกันเฝ้าระวังและสื่อสารแจ้งเตือนประชาชน โดยจากการตรวจสอบสถานการณ์ฝุ่นละอองในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยใช้แอปพลิเคชัน “เช็คฝุ่น” ที่ GISTDA พัฒนาขึ้นด้วยการนำข้อมูลจากดาวเทียมมาใช้ในการติดตามสถานการณ์ฝุ่นละออง พบว่า ในภาพรวมของประเทศ มีค่า PM2.5 สูงขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือเกือบทั้งหมดมีค่าฝุ่นอยู่ในระดับสีส้ม (เริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพ) และสีแดง (ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ) ทั้งยังพบว่าจะมีแนวโน้มสูงขึ้นอีก

ปัจจัยหลักที่ทำให้ค่า PM2.5 สูงขึ้น มาจากพื้นที่เผาไหม้หรือจุดความร้อนเพิ่มสูงขึ้นกว่าช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งสอดคล้องกับจำนวนที่ตรวจพบจากดาวเทียม ซูโอมิเอ็นพีพี โดยเฉพาะในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 พบสถิติสูงสุดถึง 3,768 จุด ประกอบกับสภาพอากาศปิด กระแสลมอ่อนลง จึงส่งผลให้พื้นที่ในบริเวณดังกล่าวได้รับผลกระทบโดยตรง นอกจากนี้ได้มีการคาดการณ์สถานการณ์ PM2.5 ในช่วงระหว่างวันที่ 1 - 7 มีนาคม 2566 พบว่า ในพื้นที่ภาคเหนือ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล จะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ

นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า กรมอนามัยให้ความสำคัญกับการดูแลและป้องกันสุขภาพของประชาชน เนื่องจากเมื่อรับสัมผัส PM2.5 เข้าสู่ร่างกายจะก่อให้เกิดอาการตั้งแต่อาการเล็กน้อยจนถึงการเจ็บป่วยต่าง ๆ ได้แก่ โรคระบบทางเดินหายใจ โรคระบบหัวใจและหลอดเลือด โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็ก ผู้ป่วยโรคหอบหืด ผู้สูงอายุ อาจมีอาการกำเริบและเสี่ยงที่จะมีอาการทรุดหนักได้ ซึ่งจากการเฝ้าระวังอาการและพฤติกกรรมในการป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพจาก PM2.5  ด้วย “4 Health_PM2.5” พบว่าในช่วงวันที่ 21 – 28 กุมภาพันธ์ 2566 มีผู้ที่มีอาการจากการรับสัมผัส PM2.5 ร้อยละ 68.3 โดยอาการที่พบมากที่สุด คือ คันตา ร้อยละ 23.3 รองลงมาคือ แสบตาและแสบจมูก ร้อยละ 20 และคัดจมูก ร้อยละ 16.7 ดังนั้น กรมอนามัยจึงขอแนะนำให้ประชาชนตรวจเช็กค่าฝุ่นและป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพจาก PM2.5 โดยหากค่าฝุ่นอยู่ในระดับสีส้ม หรือมีค่า 51 – 90 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ประชาชนทั่วไปควรลดหรือจำกัดการทำกิจกรรมนอกอาคาร เปลี่ยนมาออกกำลังกายในอาคาร สวมหน้ากากป้องกันฝุ่นเมื่อออกนอกอาคาร ผู้มีโรคประจำตัวควรเตรียมยาและอุปกรณ์ที่จำเป็นให้พร้อม

“หากค่าฝุ่นอยู่ในระดับสีแดง หรือมีค่า 91 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรขึ้นไป ประชาชนทั่วไปควรลดหรืองดการทำกิจกรรมหรือออกกำลังกายนอกอาคาร เปลี่ยนมาออกกำลังกายในอาคาร สวมหน้ากากป้องกันฝุ่นเมื่อออกนอกอาคารทุกครั้ง สำหรับกลุ่มเสี่ยงให้งดออกนอกอาคาร ผู้มีโรคประจำตัวควรเตรียมยาและอุปกรณ์ที่จำเป็นอย่างน้อย 5 วัน นอกจากนี้ ประชาชนควรเฝ้าระวังตนเองด้วยการประเมินอาการจากการรับสัมผัส PM2.5 พร้อมรับคำแนะนำในการดูแลสุขภาพเบื้องต้นได้ที่เว็บไซต์ “4HealthPM2.5” หรือเว็บไซต์ “คลินิกมลพิษออนไลน์” และหากมีอาการรุนแรง เช่น แน่นหน้าอก หายใจลำบาก เหนื่อยง่าย หายใจมีเสียงหวีด ให้รีบไปพบแพทย์ ทั้งนี้ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ที่ สายด่วนกรมอนามัย 1478 หรือกรมควบคุมโรค 1422” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว

วิธีสังเกตอาการลูก ฝุ่น PM2.5 ทำให้เด็กป่วย มีอาการอย่างไร แนะวิธีป้องกันลูกหลาน

วิธีสังเกตอาการลูก ฝุ่น PM2.5 ทำให้เด็กป่วย มีอาการอย่างไร แนะวิธีป้องกันลูกหลาน

วิธีสังเกตอาการลูกน้อยที่ได้รับผลกระทบจากฝุ่น PM2.5 และวิธีดูแลเด็ก ในวันที่สถานการณ์ฝุ่นย่ำแย่

\

"รมช.อิทธิ" ติดตามภารกิจสลายฝุ่น PM2.5 กำชับฝนหลวงฯ ลุยต่อเนื่องเพื่อสุขภาพดีของประชาชน

รัฐบาลมอบนโยบายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เร่งแก้ไขและบรรเทาปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5

เตือนภาคเหนือ-อีสาน-กลาง ฝนฟ้าคะนอง ค่าฝุ่นเชียงใหม่ยังติดอันดับ 15 ของโลก

เตือนภาคเหนือ-อีสาน-กลาง ฝนฟ้าคะนอง ค่าฝุ่นเชียงใหม่ยังติดอันดับ 15 ของโลก

เตือนภาคเหนือ-อีสาน-กลาง ฝนฟ้าคะนอง ค่าฝุ่นเชียงใหม่ยังติดอันดับ 15 ของโลก ขณะที่กทม.หลุดไปอยู่ที่ 51 อากาศดีขึ้นแล้ว