
หนุ่มช็อก ตื่นมาอวัยวะเพศหาย ช็อกซ้ำ "เพื่อน" ยืนรอพูดขอแต่งงาน ฟังจบเลือดขึ้นหน้า!
หนุ่มตื่นมาอวัยวะเพศหาย ช็อกซ้ำ "เพื่อนผู้ชาย" ยืนรอขอแต่งงาน ที่แท้มันเป็นแผน ถูกหลอกพาขึ้นเขียงตัดตอน
กรณีที่ค่อนข้างแปลกประหลาดเกิดขึ้นที่รัฐอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย ตามรายงานของสำนักข่าว Daily Mail ชายวัย 20 ปี กล่าวหาว่าถูก "เพื่อนผู้ชาย" ข่มขู่มาเป็นเวลาสองปีแล้ว กระทั่งวันที่ 3 มิถุนายน ก็หลอกลวงเขาให้เชื่อว่ามีปัญหาสุขภาพเร่งด่วนที่ต้องได้รับการแก้ไข เพื่อหลอกล่อให้เขาไปโรงพยาบาลได้สำเร็จ และโลกของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
“ผมได้รับยาบางอย่างหลังจากนั้นก็หมดสติ… เมื่อตื่นขึ้นมาพบว่าอวัยวะเพศของถูกตัดออก….แพทย์บอกว่าผมกลายเป็นเด็กผู้หญิง” ผู้เสียหายกล่าว
เขาจำได้เพียงว่าตอนนั้นเขาได้รับยาสลบแล้วหลับไป เมื่อตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้นโลกปรากฎว่าอวัยวะเพศชายของเขาหายไป หรือที่เรียกว่าถูก "ตัดตอน" ซึ่งเป็นการเข้ารับการผ่าตัดแปลงเพศโดยที่เขาไม่รู้ตัว และแน่นอนว่าไม่ได้ให้ความยินยอม ที่น่าตกใจไปมากกว่านั้นก็คือ เพื่อนผู้ชายคนเดิมยังบอกกับเขาว่าจะต้องแต่งงานกัน และขู่ว่าจะฆ่าพ่อของเขาด้วย
“เขาพูดว่า "ฉันเปลี่ยนนายจากผู้ชายเป็นผู้หญิง และตอนนี้นายต้องอยู่กับฉัน ฉันได้เตรียมทนายความและเตรียมการแต่งงานในศาลใว้แล้ว ตอนนี้ฉันจะยิงพ่อของนาย และที่ดินที่นายได้รับแบ่งไว้จะถูกโอนมาเป็นชื่อฉัน จากนั้นฉันจะขายมันและไปที่ลัคเนา’ ”
- ผัวทรุด แต่งงานได้ 12 วัน เมียไม่ยอมมีเซ็กซ์ สะกดรอยจนรู้ "ความลับ" ที่แท้ไม่กล้าแก้ผ้า!
- ลูกฟ้อง “ลุงนอนกับแม่” พ่อรีบกลับมาจับโป๊ะ เห็นจูบคาตา เรียกกันผัวเมีย แต่ชู้ไม่ใช่ “ลุง”
ล่าสุด เขาได้แจ้งความต่อตำรวจแล้ว โดยเน้นย้ำว่าการผ่าตัดแปลงเพศไม่ใช่ความตั้งใจของเขาเลย และกล่าวหาว่า "เพื่อน" ของเขาสมรู้ร่วมคิดกับโรงพยาบาลเพื่อบังคับให้เขาเข้ารับการผ่าตัดแปลงเพศ ทำให้ชีวิตของเขาได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากเหตุการณ์ที่น่าสยดสยองครั้งนี้ นอกจากนี้ ยังกล่าวหาว่าเพื่อนคนดังกล่าวเอาเงินจากบัญชีของเขาไป 35,000 รูปีอินเดีย (ประมาณ 15,400 บาท) โดยอ้างว่าต้องการย้ายไปที่เมืองลัคเนาเพื่อสร้างรังรักด้วยกัน
ทั้งนี้ แม้ว่าผู้เสียหายจะบอกว่า เหตุการณ์ถูกหลอกมาผ่าตัดแปลงเพศอันแปลกประหลาดนี้ เป็นผลจากการคุกคามตลอดระยะเวลา 2 ปี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามแย่งชิงที่ดิน แต่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าความสัมพันธ์ของพวกเขามีระดับความสัมพันธ์กันมากเพียงใด รู้เพียงแค่ว่าทั้งสองทำงานในบริษัทเดียวกัน และทั้งสองนับถือศาสนาต่างกัน
ขณะนี้ตำรวจกล่าวว่าพวกเขากำลังสอบสวนคดีนี้ในเชิงลึก นอกจากนี้ บุคคลภายนอกบางส่วนยังตั้งคำถามว่าโรงพยาบาลอาจดำเนินการนี้เพื่อลักลอบรับอวัยวะมนุษย์อย่างผิดกฎหมายหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ทางโรงพยาบาลได้ตอบโต้และเน้นย้ำในภายหลังว่า การผ่าตัดแปลงเพศเป็นการดำเนินการโดยได้รับความยินยอมจากบุคคลที่เกี่ยวข้อง และเป็นไปตามความปรารถนาของบุคคลที่เกี่ยวข้อง โดยปฏิเสธว่านี่คือ "การบังคับแปลงเพศ" และปฏิเสธแนวคิดเกี่ยวกับการค้าอวัยวะมนุษย์อย่างผิดกฎหมาย