เนื้อหาในหมวด ข่าว

หมอเตือนแล้วนะ! อย่าละเลยปัญหาผิวนี้ อาจเป็นสัญญาณของโรคมะเร็งได้

หมอเตือนแล้วนะ! อย่าละเลยปัญหาผิวนี้ อาจเป็นสัญญาณของโรคมะเร็งได้

แพทย์อเมริกา แนะนำอีกหนึ่งวิธีสังเกตปัญหาผิว ที่อาจเป็นสัญญาณของโรคมะเร็งได้

ดร.สก็อต วอลเตอร์ แพทย์ผิวหนังที่ได้รับการรับรองจากคณะกรรมการในพื้นที่เดนเวอร์ ได้โพสต์ TikTok เตือน ให้สังเกตอาการผิดปกติของผิวหนังที่อาจเป็นสัญญาณของโรคมะเร็งได้

ซึ่งความผิดปกติดังกล่าวคือ การที่มีขนลานูโกเยอะกว่าปกติ กล่าวคือมีขนสีขาว งอกออกมาอย่างรวดเร็วในบริเวณที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หรือเรียกความผิดปกตินี้ว่า “ Hypertrichosis Lanuginosa (HLA) หรือโรคมนุษย์มาป่า”

โดยดร.สก็อต ได้อธิบายเพิ่มเติมถึงเรื่องนี้ว่า “ขนอ่อน (Lanugo) เป็นขนเส้นเล็ก ๆ ไม่มีสี มักพบในเด็กแรกเกิดเป็นปกติ แต่ในผู้ใหญ่หากมีขนอ่อนงอกขึ้นมา จะชี้ให้เห็นว่าคนนั้นมี อาการพารานีโอพลาสติก ซึ่งเป็นกลุ่มอาการที่มักเกิดในผู้ป่วยโรคมะเร็ง” 

ดร.สก็อต ยังกล่าวต่ออีกว่า ขนอ่อนที่งอกบริเวณหู แก้ม และจมูก สามารถมาจากสาเหตุมะเร็งในอวัยวะต่าง ๆ ไม่ว่าจะ ปอด เต้านม มดลูก ลำไส้ใหญ่ ระบบทางเดินอาหาร ทางเดินปัสสาวะ และรังไข่

“สิ่งที่น่าทึ่งกว่านั้นคือ การงอกของขนอ่อนเป็นสัญญาณที่เกิดขึ้นก่อนการวินิจฉัยโรคมะเร็งถึงสองปีครึ่ง ซึ่งนี่หมายความว่า มันสามารถเป็นสัญญาณแรกที่จะบอกว่าคุณเป็นมะเร็ง” 

อย่างไรก็ตามดร.วอลเตอร์เน้นย้ำว่า “การงอกของขนอ่อนนี้เป็นอาการที่หายากมาก ๆ การออกมาเปิดเผยครั้งนี้ไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อสร้างความกลัว แต่ผมแค่คิดว่ามันเป็นอีกวิธีที่จะสังเกตว่าผิวหนังบอกสิ่งที่เกิดขึ้นในร่างกายของเราได้อย่างไรบ้าง”

 

1 สัญญาณบนผิวหนังเตือน \

1 สัญญาณบนผิวหนังเตือน "มะเร็งใกล้ตัว" แพทย์แนะนำให้รีบไปตรวจทันทีที่พบ

ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ระบุว่า สัญญาณที่ปรากฏบนผิวหนังนี้อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคมะเร็งบางชนิด

1 ส่วนในต้นบวบ ใช้เป็น \

1 ส่วนในต้นบวบ ใช้เป็น "สมบัติล้ำค่า" ของตับ-ตา-ผิวหนัง แต่คนส่วนใหญ่ไม่รู้ ทิ้งเกลี้ยง!

สิ่งหนึ่งจากต้นบวบ ที่คนรู้ถือว่าเป็น "สมบัติล้ำค่า" ดีต่อตับ ดวงตา และผิวพรรณ แต่ถ้าไม่รู้... ก็อาจทิ้งไปเหมือนของไร้ค่า!

พ่อ-ลูกชายมี \

พ่อ-ลูกชายมี "จุดแปลกบนผิวหนัง" นาน 3 ปี หมอตรวจให้ฟรีถึงรู้ โรคที่ยุคนี้ไม่ค่อยมีแล้ว!

ชายหนุ่มวัย 21 ปีและพ่อของเขาใช้ชีวิตกับรอยเปลี่ยนสีบนผิวหนังมานานถึง 3 ปี โดยไม่ทราบว่าแท้จริงแล้วกำลังเผชิญกับโรคอะไร จนกระทั่งทีมแพทย์ลงพื้นที่ตรวจสุขภาพฟรีในชุมชน และพบว่าทั้งสองคนติดเชื้อพร้อมกัน