เนื้อหาในหมวด ข่าว

บีบหัวใจ แม่แชร์รูป \

บีบหัวใจ แม่แชร์รูป "เสื้อลูกชาย" ผปค.ตื่นตระหนกทั้งกลุ่ม พาย้ายโรงเรียนสิ รออะไรอยู่!

“การเป็นพ่อแม่มันยากจริงๆ การเลี้ยงลูกให้ดีทั้งกายและใจเป็นเรื่องยาก” ข้อความข้างต้นจากคุณแม่คนหนึ่งในประเทศเวียดนาม ที่เขียนลงในในกลุ่มสำหรับผู้ปกครอง เล่าถึงความสับสนในการเลี้ยงลูก และสงสัยว่าตนเองควรจะประพฤติตนอย่างไร เพราะลูกของเธอหงุดหงิดวันแล้ววันเล่า เนื่องจากถูกเพื่อนแกล้งและรังแกที่โรงเรียน

คุณแม่รายนี้เล่าว่า ลูกชายของเธอเรียนอยู่ชั้นมัธยมต้น เขาใจดีและมีเหตุผลจริงๆ และครูทุกคนก็รักเขา แต่ปัญหาหนึ่งคือเขามักถูกเด็กๆ ในชั้นเรียนล้อเลียนและแกล้งมากเกินไป แน่นอนว่าเขาพยายามแก้ไขสถานการณ์ และก็มีเพื่อนบางคนที่เลิกแกล้งไป แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีอีกหลายคนที่ซนมากเกินไป และไม่ฟังสิ่งที่เขาพูดเลย มีหลายครั้งที่ลูกชายของเธอกลับมาจากโรงเรียน และรีบวิ่งเข้าไปในบ้านอย่างฉุนเฉียวเพื่อที่จะระบายอารมณ์โกรธเคือง

ทั้งนี้ คุณแม่ยังได้แนบภาพเสื้อสีเหลืองของลูกชาย ที่เปื้อนด้วยน้ำหมึกปากกาลูกลื่น พร้อมเล่าว่าตอนที่ลูกของเธอไปโรงเรียน เพื่อนของเขาจุ่มปลายปากกาลูกลื่นเข้าไปในเสื้อตัวใหม่ของเขา เขาร้องไห้เพราะคิดว่าคุณยายคงต้องใช้เวลาซักนาน ดังนั้นเขาจึงแอบเก็บซ่อนมันไว้เพื่อที่ยายจะได้ไม่ต้องเหนื่อย ลูกชายของเธอยังได้ไปแจ้งเรื่องนี้ให้ครูทราบแล้วด้วย แต่ก็ไม่สามารถจัดการอะไรได้มาก สุดท้ายเมื่อไม่ได้ไม่สามาถรจัดการความรู้สึกของตัวเองได้อีกต่อไป เขาจึงตัดสินใจเล่าให้แม่และยายฟัง

แม้จะผ่านช่วงปิดเทอมฤดูร้อนไปแล้ว แต่ลูกชายของเธอก็ยังแสดงอาการไม่อยากไปโรงเรียน เพราะไม่อยากเจอเพื่อนเหล่านั้น ทางครอบครัวจึงพยายามบอกว่าอย่าไปสนใจ และให้คำแนะนำต่างๆ เพื่อที่เพื่อนร่วมชั้นจะได้ไม่แกล้งเล่นอีกต่อไป แต่ลูกชายบอกว่าเขาไม่ต้องการชนะหรือแพ้ เขาแค่อยากไปที่อื่น อย่างไรก็ดี ทุกอย่างก็ยังคงดำเนินไปเหมือนปกติดี จนกระทั่งล่าสุดลูกชายพูดออกมาว่า "อยากทุบตีพวกเขาให้ตาย"

ผู้เป็นแม่บอกว่า “ฉันช็อกมากแม้จะเป็นเพียงคำพูด ฉันปวดหัวมาหลายวันแล้ว ลูกของฉันคือทุกอย่างสำหรับฉัน ฉันไม่คาดหวังว่าจะมีอะไรเจ็บปวดเกิดขึ้นกับเขา ฉันหวังว่าผู้ปกครองทุกคนจะมีคำแนะนำมาแบ่งปันให้กับฉันด้วย” อย่างไรก็ดี เมื่อพูดถึงเรื่องการเลือกโรงเรียน คุณแม่คนนี้ยังอธิบายว่าเพราะโรงเรียนอยู่ห่างจากบ้าน 500 เมตรเท่านั้น หลายๆ อย่างจึงสะดวก

เมื่อลูกถูกกลั่นแกล้งในโรงเรียน พ่อแม่ควรทำอย่างไร?

หลังจากเรื่องราวนี้ถูกเปิดเผยออกมา ทำให้ผู้ปกครองหลายคนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสะเทือนใจ คนส่วนใหญ่แนะนำให้เธอเปลี่ยนโรงเรียน “ย้ายโรงเรียนได้แล้ว มัวรออะไรอยู่” หรืออย่างน้อยก็เปลี่ยนชั้นเรียนให้ลูกของเธอ เพราะนี่เป็นรูปแบบหนึ่งของการกลั่นแกล้งในโรงเรียน และการอดทนยับยั้งชั่งใจของลูกสะสมมาเป็นเวลานาน เพียงรอที่จะระเบิดแล้วด้วยซ้ำ ยิ่งรอนานเท่าไรก็ยิ่งมีแนวโน้มที่จะนำไปสู่ผลลัพธ์อันเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น

แม้หลายคนคิดว่าเด็กเพียงแค่สิ่งมีชีวิตที่ไร้เดียงสา แต่เด็กอาจโหดร้ายได้มากกว่านั้น เพียงแค่บางทีพวกเขาอาจไม่ตระหนักถึงความโหดร้ายนั้น และเนื่องจากพวกเขาถูกเรียกว่า "เด็ก" จึงไม่มีใครปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเหมาะสม นอกจากนี้ โรงเรียนส่วนใหญ่เพียงต้องการรักษาความสงบ และหลีกเลี่ยงปัญหาที่สร้าง "ชื่อเสีย" ดังนั้นครูจึงแก้ไขปัญหาด้วยวิธีที่สงบเท่านั้น ซึ่งอาจไม่ไปถึงต้นตอของปัญหา

ในเวลานี้ผู้ปกครองจะต้องยืนเคียงข้างลูก จำเป็นต้องดำเนินการและเข้าแทรกแซงทันที แทนที่จะเพียงแค่ถามและให้คำแนะนำเป็นประจำ ควรแสดงให้ลูกเห็นว่าเป็นผู้ช่วยเหลือที่เชื่อถือได้เมื่อพวกเขาเผชิญกับความยากลำบาก เพื่อที่จะได้วางใจบอกเล่าปัญหาที่พบที่โรงเรียน

หลายครั้งที่ผู้ปกครองพิจารณาว่าการเรียนรู้เป็นเป้าหมายสำคัญ ส่งผลให้เด็กๆ จัดลำดับความสำคัญที่ไม่ถูกต้อง พวกเขาเต็มใจเสียสละความปลอดภัยของตนเอง เพื่อปกป้องการศึกษาของตนเอง แล้วการเรียนรู้เป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับนักเรียนหรือไม่.... ?

ตามที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาอิสระของเวียดนามกล่าวไว้ คำตอบคือ "ไม่" เขากล่าวว่าสำหรับนักเรียนสิ่งสำคัญที่สุดคือความปลอดภัย ได้แก่ ความปลอดภัยในชีวิต สุขภาพกาย และสุขภาพจิต การเรียนรู้จะไร้ความหมายเมื่อความปลอดภัยและความสุขของนักเรียนถูกบั่นทอน ในกรณีที่เด็กถูกรังแกในระดับร้ายแรง เพราะการเรียนรู้จะไร้ความหมายเมื่อความปลอดภัยและความสุขของนักเรียนถูกบั่นทอน ในกรณีที่เด็กถูกรังแกในระดับร้ายแรง

ด.ญ.3 ขวบ กลับจากบ้านแม่เลี้ยง ไม่ยอมให้ย่าถอดกางเกง รู้สาเหตุ ครอบครัวกอดกันร้องไห้

ด.ญ.3 ขวบ กลับจากบ้านแม่เลี้ยง ไม่ยอมให้ย่าถอดกางเกง รู้สาเหตุ ครอบครัวกอดกันร้องไห้

เด็กหญิงอายุ 3 ขวบ กลับจากบ้านแม่เลี้ยง จับกางเกงแน่นไม่ยอมอาบน้ำ สุดท้ายย่ารู้สาเหตุ ทำทั้งครอบครัวกอดกันร้องไห้

หมอยังไม่รอด ลองพูด \

หมอยังไม่รอด ลองพูด "ประโยคนี้" วันรุ่งขึ้นป่วยจริงๆ ชาวเน็ตคอนเฟิร์มนี่แหละ คำต้องห้าม!!!

พูดทีไรป่วยทุกที! หมอเล่าประสบการณ์ตรง ลองพูด "ประโยคนี้" วันรุ่งขึ้นจะไม่สบายทันที ชาวเน็ตแห่ช่วยคอนเฟิร์ม เรื่องนี้จริงมากๆ

แม่ทำ OT ฝากลูกกับปู่ย่า เช็กกล้องแล้วช็อก เห็นสิ่งที่ทำกับหลาน  6 ขวบ - 3 ขวบ

แม่ทำ OT ฝากลูกกับปู่ย่า เช็กกล้องแล้วช็อก เห็นสิ่งที่ทำกับหลาน 6 ขวบ - 3 ขวบ

ขณะทำงานล่วงเวลา แม่เปิดกล้องวงจรปิด และต้องตกใจเมื่อเห็นการกระทำของปู่ย่าที่มีต่อหลานทั้งสอง แทบไม่อยากจะเชื่อสายตา