แม่เฒ่าฟ้องศาล สามีวัยเกือบร้อย ให้เงิน "สาวใช้" 10 ล้าน เปิดกล้องคดีพลิก เป็นเหยื่อทั้งคู่!
เปิดกล้องยิ่งสะเทือนใจ แม่เฒ่าฟ้องศาล สามีวัยเกือบร้อย โอนเงินให้ "สาวใช้" 10 ล้าน สืบไปคดีพลิกเป็นเหยื่อทั้งคู่
“เงินจำนวน 2 ล้านหยวน (เกือบ 10 ล้านบาท) ที่ฉันให้กับนางสาวเตืองนั้นเป็นไปโดยสมัครใจอย่างสมบูรณ์ (เพราะเธอดูแลสามีและฉันมาหลายปีแล้ว) ลูกชายของฉันจึงไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่ง” นี่คือเนื้อหาลงนามคำร้องเพื่อรับ "เงินโบนัส" เงินของชายวัย 94 ปีที่อาศัยอยู่ในเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ซึ่งมอบให้กับสาวใช้วัย 50 ปี
อย่างไรก็ตาม หญิงชราซึ่งเป็นภรรยาของเขาไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน ดังนั้น ทันทีที่ทราบเหตุการณ์จึงยื่นฟ้องทั้งสามีและสาวโดยประสงค์จะเรียกเงินบำนาญวัยชราที่สามีมอบให้กลับคืนมา และคำตัดสินของศาลเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ก็ได้รับความสนใจจากชุมชนออนไลน์ของจีนเป็นอย่างมาก
ตามรายงานพบว่า คู่รักซึ่งปัจจุบันมีอายุ 94 ปีทั้งคู่ แต่งงานกันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และอาศัยอยู่ด้วยกัน ทั้งสองคนมีลูกชาย 1 คน ซึ่งปัจจุบันอาศัยอยู่ต่างประเทศถาวร
ฝ่ายภรรยาเมื่อแก่ตัวลงก็สุขภาพอ่อนแอ ร่างกายของเธอตั้งแต่หน้าอกลงไปเป็นอัมพาตโดยสิ้นเชิง ส่วนสามีตาบอดข้างเดียวอีกข้างมองเห็นได้เพียง 0.25 เท่านั้น เนื่องจากลูกชายอยู่ต่างประเทศ ทั้งคู่ที่ไม่สามารถดูแลตัวเองได้ จึงจ้างสาวใช้ตามคำแนะนำของเพื่อนบ้าน นับตั้งแต่ปี 2562
หน้าที่ของสาวใช้คือดูแลชีวิตประจำวันของทั้งคู่เต็มเวลา ด้วยเงินเดือนเริ่มต้น 6,000 หยวน/เดือน (ประมาณ 28,700 บาท) หลังจากนั้นไม่นาน เงินเดือนของเธอก็เพิ่มขึ้นเป็น 12,000 หยวน/เดือน (ประมาณ 57,400 บาท)
ในช่วง 3 ปีระหว่างปี 2563 ถึง 2565 เนื่องจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ลูกชายของทั้งคู่ไม่สามารถกลับบ้านได้เลย ในช่วงเวลานี้พบว่าชายชรายังโอนเงินให้สาวใช้อีกจำนวน 2 ล้านหยวน (เกือบ 10 ล้านบาท)
ในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ลูกชายกลับบ้านไปเยี่ยมพ่อแม่ เมื่อตรวจสอบใบแจ้งยอดบัญชีธนาคาร พบว่าพ่อโอนเงิน 1 ล้านหยวน ให้กับสาวใช้เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2565 และอีก 1 ล้านหยวน ในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 รวมเป็น 2 ล้านหยวน และผู้เป็นแม่ของเขาไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้ อีกทั้งเมื่อถามจากพ่อก็เอาแต่ปฏิเสธไม่ยอมพูดอะไร
เนื่องจากลูกชายโกรธมากจึงไปหาสาวใช้เพื่อขอเงินคืน แต่เธอปฏิเสธ พร้อมบอกว่าเหตุผลที่เธอได้รับเงินรางวัล เป็นเพราะเธอดูแลพวกเขาสองคนอย่างดี เมื่อเผชิญหน้ากับคำพูดเช่นนี้ ฝ่ายคนเป็นแม่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธ และบอกความจริงว่าเธอตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงในครอบครัว เมื่อก่อนไม่อยากให้ลูกกังวลจึงไม่กล้าพูดอะไร
คำตัดสินของศาลหลังความลับถูกเปิดเผย
ด้วยการสนับสนุนจากลูกของเธอ ผู้เป็นแม่จึงได้ยื่นฟ้องทั้งสามีและสาวใช้ในศาล เพื่อเรียกเงินก้อนใหญ่นี้คืนมา เหตุการณ์นี้ได้รับความสนใจอย่างมากจากสาธารณชนชาวจีน ผู้เกี่ยวข้องยังได้ดำเนินการสอบสวนเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงอย่างรวดเร็ว
ปรากฏว่าสามีตาบอดไม่สามารถไปเบิกเงินเองที่ธนาคารได้ เขาจึงมอบรหัสผ่านให้สาวใช้เพื่ออำนวยความสะดวกเรื่องค่าครองชีพของตนและภรรยา ส่งผลให้เงิน 2 ล้านหยวน ถูกบังคับโอนเข้าบัญชีสาวใช้
สาวใช้ยังเกลี้ยกล่อมเชิงขู่บังคับให้ชายชราเขียนเอกสาร เพื่อยืนยันว่ามอบเงินให้ด้วยความสมัครใจ โดยขู่ว่าไม่เช่นนั้นจะปล่อยทิ้งคู่สามีภรรยา เนื่องจากอายุมากและสุขภาพไม่ดี อีกทั้งลูกชายอาศัยอยู่ห่างไกล และกังวลว่าจะไม่มีใครดูแลตนและภรรยา สุดท้ายจึงยอมเขียนเอกสารดังกล่าว ด้วยความหวังว่าเธอจะรักษาสัญญาทำงานเป็นสาวใช้จนกว่าทั้งคู่จะเสียชีวิต
ทั้งนี้ลูกชายยังพบภาพสะเทือนใจจากกล้องวงจรปิด บันทึกช่วงเวลาที่สาวใช้ใช้ความรุนแรงกับผู้สูงอายุ ในขณะที่ผู้เป็นแม่ก็เปิดใจในระหว่างการพิจารณาคดีว่า “สาวใช้ปฏิบัติต่อฉันอย่างเลวร้าย แม้กระทั่งข่มเหงฉัน ใช้กรรไกรตัดเล็บตัดเนื้อของฉันเธอแอบเอาเงินเกษียณอายุของเราไปมากกว่า 2 ล้านหยวน”
เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2567 คดีดังกล่าวถูกนำเข้าสู่การพิจารณาคดีที่ศาลประชาชนเขตหวงผู่ เมืองเซี่ยงไฮ้ ศาลตัดสินไม่ยอมรับการกระทำ "ให้ของขวัญ" ของสามี และกำหนดให้สาวใช้คืนเงินพร้อมดอกเบี้ยที่สอดคล้องกัน เหตุผลคือเงินนั้นแต่เดิมเป็นทรัพย์สินส่วนกลางของคู่สมรส ดังนั้น ถึงแม้จะมีกระดาษยืนยันว่าชายชรามอบเงินให้โดยสมัครใจ แต่หากฝ่ายภรรยาของเขาไม่เห็นด้วย สาวใช้ก็ไม่สามารถรับเงินนั้นได้
โชคดีที่ทั้งคู่ได้รับเงินบำนาญวัยชรากลับคืนมา ในขณะที่ลูกชายยังวางแผนที่จะพาพ่อแม่ไปต่างประเทศเพื่อดูแลพวกเขาด้วย