เนื้อหาในหมวด ข่าว

สาวใจดีรับเลี้ยงเด็กกำพร้า กู้เงินส่งเรียนเมืองนอก ผ่านไป 10 ปี ยืนอึ้งกลางธนาคาร

สาวใจดีรับเลี้ยงเด็กกำพร้า กู้เงินส่งเรียนเมืองนอก ผ่านไป 10 ปี ยืนอึ้งกลางธนาคาร

แม่เลี้ยงเดี่ยวหนี้ท่วมหัว แต่ยังรับเลี้ยงเด็กกำพร้า กู้เงินส่งเรียนเมืองนอก ผ่านไป 10 ปี ยืนอึ้งกลางธนาคาร 

หลู่ เถียน ไหม หญิงสาวจากมณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน เธอเป็นคนโชคไม่ดี ถูกสามีนอกใจและสูญเสียทรัพย์สินทั้งหมด อีกทั้งยังต้องแบกรับหนี้สินจำนวนมาก กำลังใจเดียวในชีวิตตอนนั้นคือลูกสาวคนเดียวของเธอ

วันหนึ่ง ขณะที่เธอไปตลาดเพื่อซื้อผัก ฝนตกหนักโดยที่เธอไม่มีเสื้อกันฝน เธอจึงตัดสินใจหลบฝนในโรงจอดรถใกล้ๆ แล้วก็ได้เห็นเด็กชายคนหนึ่งกำลังทำการบ้านอยู่บนโต๊ะเก่าผุพัง มองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นมีผู้ใหญ่อยู่ในบ้าน หญิงคนนั้นจึงถามเด็กชายว่า "อยู่บ้านคนเดียวเหรอ พ่อแม่ของเธอไปไหน?"

จากนั้น เด็กชายก็เริ่มเล่าถึงสถานการณ์ครอบครัวของเขา เขาชื่อ หลิว หยวนอี้ อายุ 16 ปี พ่อแม่ของหลิวทำธุรกิจจึงทำให้ครอบครัวมีฐานะดีมาก และเขาเป็นลูกคนเดียว จึงได้รับความรักจากพ่อแม่อย่างเต็มที่ แต่ทว่า ความสุขนั้นได้สิ้นสุดลงเมื่ออุบัติเหตุทางรถยนต์ได้พรากชีวิตพ่อแม่ของเขาไป

หลังจากที่สูญเสียครอบครัว หลิว หยวนอี้ ถูกลุงรับมาเลี้ยง แต่หลังจากนั้นธุรกิจของลุงล้มเหลว เขาปฏิเสธที่จะรับผิดชอบในการเลี้ยงดูหลิวต่อ เมื่อไม่มีใครให้พึ่งพิง เด็กชายจึงกลับไปอยู่ที่โรงจอดรถเก่าของครอบครัว แม้ว่าพ่อแม่จะทิ้งเงินบางส่วนไว้ให้ แต่ค่าเล่าเรียนที่สูง ประกอบกับการต้องจ่ายค่าครองชีพเอง ทำให้เขาต้องประหยัดในการใช้จ่ายอย่างมาก

ในฐานะที่เป็นแม่ นางหลู่ รู้สึกสงสารเด็กชายคนนี้ ข้างนอกเด็กในวัยเดียวกับหลิวยังคงอยู่ในอ้อมกอดของครอบครัว แต่เด็กชายคนนี้กลับถูกทิ้งขว้างจากญาติและต้องดูแลตัวเอง แทบไม่คิดอะไรมาก นางหลู่จึงชวนเด็กชายไปทานอาหารที่บ้านของเธอ แต่เด็กชายปฏิเสธน้ำใจของหญิงแปลกหน้า อ้างว่าตัวเองมีบะหมี่เป็นอาหารเย็นแล้ว

รับเลี้ยงเด็กกำพร้า

เมื่อไม่สามารถชักชวนเด็กชายให้มาบ้านได้ นางหลู่ก็ไม่ยอมปล่อยให้เขากินบะหมี่ค้างคืนนั้น เธอทำอาหารเพิ่ม ใส่กล่องและนำไปให้หลิว เด็กชายบอกว่าเขาไม่ได้กินอาหารอร่อยแบบนี้มานานแล้ว ตั้งแต่พ่อแม่เสียไป หลิวกินแค่บะหมี่ขาวกับเกลือนิดหน่อยทุกวัน ตั้งแต่นั้นมาความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ใกล้ชิดกันมากขึ้น

เมื่อเห็นว่าหลิวไม่มีเครื่องทำความร้อนหรือผ้าห่มอุ่นๆ และอากาศเริ่มหนาวเย็น นางหลู่ก็เชิญเด็กชายให้มาอยู่ด้วย แต่เขายังคงปฏิเสธ เมื่อเห็นว่าหลิวยังคงลังเล หลู่จึงคิดวิธีเชิญเขามาอยู่บ้านเพื่อสอนหนังสือให้ลูกสาวของเธอ ในเมื่อเธอขอความช่วยเหลือแบบนี้ เด็กหนุ่มก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ เพราะเขาไม่อยากทำให้ผู้มีพระคุณผิดหวัง

เมื่อได้รับการดูแลจากหลู่ หลิวก็รู้สึกถึงความอบอุ่นของครอบครัว เขาจึงช่วยแบ่งเบาภาระของเธอด้วยการช่วยงานบ้านอย่างขยันขันแข็ง และแม้กระทั่งเก็บของเก่าไปขายเพื่อหาเงินช่วยหลู่ นอกจากนี้เขายังดูแลและสอนหนังสือให้ลูกสาวของหลู่ ราวกับเธอเป็นน้องสาวของเขาเอง

กู้เงินส่งลูกบุญธรรมเรียนเมืองนอก

เมื่อเวลาผ่านไป หลิว หยวนอี้ เติบโตขึ้นและสอบเข้ามหาวิทยาลัย ปีนั้นเขาทำคะแนนได้อย่างยอดเยี่ยมและได้เข้าศึกษาในคณะการเงินของมหาวิทยาลัยเจ้อเจียง

ในปี 2007 หลังจากสำเร็จการศึกษา เขาได้รับทุนการศึกษา 70% เพื่อไปศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ในอังกฤษ เมื่อทราบถึงสถานการณ์นี้ หลู่จึงสนับสนุนให้เขาศึกษาต่อ และบอกว่าจะกู้เงินจากธนาคารเพื่อจ่ายค่าเล่าเรียนและค่าใช้จ่ายส่วนที่เหลือ

ในที่สุด หลิว หยวนอี้ ได้มีโอกาสไปศึกษาต่อ และในขณะนั้น เขาก็ได้เริ่มก่อตั้งบริษัทของตัวเองและส่งเงินกลับมาช่วยเหลือแม่บุญธรรม

เมื่อเห็นว่ามีเงินเก็บมากขึ้น นางหลู่จึงไปที่ธนาคารเพื่อชำระหนี้เก่า แต่เธอกลับต้องพบความประหลาดใจ ยืนอึ้งอยู่กลางธนาคาร เมื่อพบว่าหนี้ก้อนนั้นถูกชำระเรียบร้อยแล้ว และเธอยังเป็นผู้รับประโยชน์ในสมุดบัญชีที่หลิวเปิดไว้ให้เธอ

ในเวลานั้นที่เธอรับเลี้ยงเด็กคนนี้ เธอไม่เคยคาดคิดเลยว่าจะได้รับสิ่งตอบแทนเช่นนี้ ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นใจอย่างยิ่ง

“เด็กกำพร้า” ระเบิดเวลา หลังวิกฤตโควิด-19

“เด็กกำพร้า” ระเบิดเวลา หลังวิกฤตโควิด-19

ภาวะวิกฤตโควิด-19 ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อและเสียชึวิตพุ่งสูงขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงกับกลุ่ม "เด็ก" ซึ่งถือเป็นกลุ่มเปราะบางในสังคม หากภาครัฐยังไม่เร่งเข้ามาช่วยเหลือเยียวยา นี่จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ของสังคม อย่างแน่นอน