จำได้ไหม? ทารกถูกทิ้งผอมโซ-สมองพิการ เปิดภาพเทียบชัดๆ หลังสาวใจดีรับเลี้ยง
จำได้ไหม? ภาพไวรัลสะเทือนใจ ทารกถูกทิ้งผอมโซ-สมองพิการ เปิดภาพเทียบชัดๆ หลังสาวใจดีรับเลี้ยง ชาวเน็ตเชื่อกำลังมีชีวิตที่ดี
ย้อนกลับไปในช่วงกลางปี 2559 มีภาพของเด็กทารกคนหนึ่งที่สะเทือนใจคนทั้งโลก เด็กผู้หญิงที่ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลหลังจากพ่อแม่ทอดทิ้ง ร่างกายผอมแห้งมากเนื่องจากภาวะทุพโภชนาการ จนมองเห็นโครงร่างของกระดูกได้ชัดเจน แม้จะอายุ 1 ขวบแล้ว แต่กลับมีน้ำหนักตัวเพียงแค่ 3.5 กิโลกรัมเท่านั้น
ทารกน้อยมีจุดเปลี่ยนพลิกโชคชะตา เมื่อ "ฟาม ทัน ทาม" หญิงสาวชาวเวียดนามซึ่งถือเป็นผู้มีชื่อเสียงในโลกออนไลน์ อย่างไรก็ดีในขณะนั้นอายุเพียง 24 ปี ยังไม่ได้แต่งงาน และไม่มีประสบการณ์ในการเป็นแม่ แต่กลับตัดสินใจครั้งใหญ่อย่างเด็ดเดี่ยว "รับเลี้ยง" ทารกน้อยที่น่าสงสารคนนี้ แม้ว่าครอบครัวจะต้องเจอความยากลำบากและอุปสรรคมากมายในช่วงแรก
อีกทั้งสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือ หลายคนตั้งคำถามกับการกระทำของเธอ โดยมองว่าเธอเพียงพยายามทำให้ตัวเองเป็นที่รู้จักมากขึ้น "หาชื่อเสียง" จากสถานการณ์ที่น่าสงสารของเด็กหญิงตัวเล็กๆ เพื่อดึงดูดความสนใจและเงินทองมากขึ้น อย่างไรก็ตาม หญิงสาวไม่ได้ตอบสนองต่อข้อสงสัยเหล่านั้น เธอเลือกที่จะใช้การกระทำเพื่อพิสูจน์ความมุ่งมั่น พยายามอย่างเต็มที่ในการดูแลเด็ก จัดสภาพแวดล้อมและการศึกษาที่ดีที่สุดให้
ในขณะเดียวกันยังได้รับความช่วยเหลือและสนับสนุนจากแฟนคลับของเธออีกด้วย ดังนั้นเธอจึงมักโพสต์อัพเดททสถานการณ์สุขภาพ และรูปภาพน่ารักๆ ของเด็กน้อยลงโลกออนไลน์ จะเห็นได้ไม่ใช่เด็กผอมโซอีกต่อไป แต่มีใบหน้าสดใสขึ้น ร่างกายมีเนื้อหนัง และที่สำคัญคือดูอารมณ์ดีมีความสุขอย่างเห็นได้ชัด ท่ามกลางความรักและความเอาใจใส่จากครอบครัวใหม่ ตรงกันข้ามกับภาพในอดีตอย่างสิ้นเชิง
แม้ในปัจจุบันหญิงสาวจะแต่งงาน และมีลูกชายกับสามีของตนเอง แต่เธอ สามี ลูกชาย และครอบครัวทุกคน ก็ยังคงรักและเอาใจใส่ลูกสาวบุญธรรมอย่างเต็มที่ ครั้งหนึ่งเธอเคยเปิดใจว่า “พ่อแม่สามีของฉันใจดีและมีความเห็นใจฉันมาก และสามีของฉันก็รู้ตั้งแต่แรกว่าฉันต้องเลี้ยงลูกสาว เขาเป็นคนดีมากและไม่เคยคัดค้านเลย ทุกคนต่างเชื่อว่าลูกสาวจะแข็งแรงขึ้น ”
ทั้งนี้ แม้ว่าในหน้าแฟนเพจแทบจะไม่ได้แชร์ข้อมูลหรือรูปภาพใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับครอบครัวหรือเด็กน้อยคนนี้เลยตั้งแต่ปี 2564 แต่จากระยะเวลายาวนานที่ผ่านมา ชาวเน็ตต่างเชื่อว่าตอนนี้สถานะสุขภาพของเด็กหญิงวางใจได้แล้ว และเติบโตมากขึ้นทึกวันในครอบครัวที่มีความสุข