หมอเฉลยเอง "เป็นหวัด" กินของหวานได้ไหม ย้ำ 4 อาหาร "ควรงด" ไม่ใช่แค่นม-กาแฟ
เข้าใจเสียใหม่! หมอเฉลยเอง “เป็นหวัด” กินของหวานได้ไหม เผยชัด 4 อาหารที่ควรงดจริงๆ ไม่ใช่แค่นม-กาแฟ
ตามรายงานของสื่อไต้หวัน ดร. เฉิน จุนเหริน ผู้อำนวยการคลินิกแม่และเด็ก ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการติดเชื้อในเด็กและโรคหอบหืด โพสต์ให้ความรู้บนเฟซบุ๊กแฟนเพจ กล่าวว่า มีหลายคนถามเขาว่า สามารถกินขนมหวานตอนเป็นหวัดได้ไหม และสามารถดื่มนมได้หรือเปล่า?
เนื่องจากผู้คนมักคิดว่า การทานอาหารหวานๆ จะทำให้มีเสมหะได้ง่าย อย่างไรก็ตาม คุณหมออธิบายว่าตามแนวคิดของการแพทย์แผนตะวันตก ไม่มีทฤษฎีใดที่ระบุว่า "อาหารรสหวานมีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดเสมหะ" แต่การทานรสหวานมากเกินไปจะลดการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย และไม่เอื้อต่อการต่อสู้กับไวรัสและแบคทีเรีย ซึ่งอาจส่งผลให้อาการหวัดแย่ลงได้
ทั้งนี้ยังมีอาหารอีก 4 อย่าง ที่อาจทำให้อาการหวัดแย่ลง จึงเตือนประชาชนให้ความสนใจกับเมนูเหล่านี้มากขึ้น
เครื่องดื่มที่มี "คาเฟอีน"
คุณหมอกล่าวว่า เมื่อผู้ป่วยเป็นหวัดควรดื่มน้ำให้มากขึ้น เพื่อทำให้ร่างกายขับน้ำมูกและเสมหะเจือจาง อย่างไรก็ตาม เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนเช่น ชา และกาแฟ มีคุณสมบัติขับปัสสาวะ และทำให้ร่างกายที่ขาดน้ำแย่ลง แต่
นม
คุณหมออธิบายว่า แม้ว่าการดื่มนมจะไม่ทำให้เกิดเสมหะ แต่จะทำให้เสมหะหนาขึ้น อาการไอแย่ลง
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
แม้ว่าแอลกอฮอล์ที่มีความเข้มข้นสูงจะมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย แต่ก็สามารถทำให้เกิดการอักเสบของเยื่อเมือก และทำให้อาการหวัดแย่ลงได้ นอกจากนี้ แอลกอฮอล์ยังมีคุณสมบัติขับปัสสาวะ ทำให้ตกขาว รวมทั้งเสมหะหนาขึ้นและขับออกได้ยากขึ้น
อาหารรสเผ็ด
หลายคนมีความเชื่อกันว่า การทานอาหารรสเผ็ดช่วยให้ล้างจมูกและขับเสมหะได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม สามารถบรรเทาอาการดังกล่าวได้ชั่วคราวเท่านั้น แต่ในขณะเดียวกันกลับทำให้อาการอักเสบและอาการปวดคอรุนแรงขึ้นได้ นอกจากนี้ การศึกษายังชี้ให้เห็นว่า "แคปไซซิน" สามารถกระตุ้นการหลั่งเสมหะได้ในระยะยาว
คุณหมอยังเผยอีกว่า จริงๆ แล้ว "หวัด" ล้วนเกิดจากการติดเชื้อไวรัส และไม่มียารักษาโรคเฉพาะเจาะจง ดังนั้น ตราบใดที่ดื่มน้ำมากขึ้นเพื่อทำให้เสมหะและน้ำมูกเจือจาง พักผ่อนให้มากขึ้น และรับประทานอาหารตามปกติเพื่อเสริมโภชนาการ คุณก็เพิ่มภูมิคุ้มกันได้ และหวัดจะหายเร็วขึ้น