เนื้อหาในหมวด ข่าว

\

"เด็กอัจฉริยะ" จบประถมใน 2 วัน เข้ามหาลัยดัง 10 ขวบ แต่ปีเดียวลาออก ล่าสุดทำอาชีพนี้

ปัจจุบันทำอะไรอยู่? "เด็กอัจฉริยะ" เรียนจบประถมใน 2 วัน เข้ามหาลัยดังตอน 10 ขวบ คนโตยังได้แค่ฝัน แต่ล่าสุด "อาชีพ" ธรรมดากว่าที่คิด


ในปี ค.ศ.2011 ภายในห้องสอบแข่งขันเพื่อเข้ามหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีซานตง เมืองเซินเจิ้น ประเทศจีน มีผู้สมัครอายุ 10 ขวบที่โดดเด่น ท่ามกลางหมู่นักเรียนมัธยมปลาย อย่างไรก็ตาม ผู้สมัครที่อายุน้อยที่สุดคนนี้ ในที่สุดก็ได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยอันทรงเกรียติ์ ด้วยคะแนนที่สูงมากถึง 566 คะแนน เด็กชายคนนั้นคือ "ซู่ หลิวอี้"

การประสบความสำเร็จอย่างที่ผู้ใหญ่หลายคนยังได้เพียงฝันถึง ทำให้เขากลายเป็นที่กล่าวขานของประชาชนชาวจีน สื่อหลักๆ ต่างก็เรียกเขาว่าเป็น "อัจฉริยะ" เนื่องจากมีชีวิตที่มีจุดเริ่มต้นเร็วกว่าคนอื่นหลายเท่า เด็กคนนี้ถูกคาดหวังจากทุกคนว่าจะทำอะไรหลายๆ อย่างในอนาคต

อ่านคำศัพท์ได้หลายพันคำ ก่อนที่จะเดินไปเสียอีก

แน่นอนว่า ซู่ หลิวอี้ แตกต่างจากเด็กคนอื่นๆ มาก มีรายงานว่าเขาเกิดที่เมืองไท่อัน มณฑลซานตง ในปี ค.ศ.2000 ตั้งแต่เกิดเด็กชายคนนี้มีความฉลาดตามธรรมชาติ เมื่ออายุไม่ถึง 1 ขวบ ก็สามารถเล่าเรื่องต่างๆ ให้ฟังได้อย่างคล่องแคล่ว และชื่นชอบการอ่านหนังสือมากๆ ภายใต้การสอนที่รอบคอบของแม่ ก่อนเข้าโรงเรียนอนุบาลเขาก็อ่านคำศัพท์ได้มากกว่า 3,000 คำ

เนื่องจากเชี่ยวชาญความรู้ที่จำเป็นทั้งหมดก่อนที่จะเข้าเรียนในโรงเรียนประถมศึกษา พ่อแม่ของเขาจึงขออนุญาตจากโรงเรียนเพื่อให้กระโดดเข้าเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ในทันที โดยไม่คาดคิดว่าหลังจากเรียนได้เพียง 2 วันครึ่ง ครูใหญ่จะโทรมาแจ้งผู้ปกครองว่า เด็กชายเชี่ยวชาญหลักสูตรประถมศึกษาทั้งหมดแล้ว แนะนำว่าไม่ควรมาโรงเรียนประถม แต่ควรเข้าเรียนมัธยมเลย

ดังนั้นเด็กชายจึงได้เข้าเรียนที่โรงเรียนมัธยม ในตอนที่อายุเพียง 7 ขวบ และใช้เวลาต่อจากนั้นเพียงปีเดียว คว้ารางวัลชนะเลิศในการแข่งขันวิชาการ และคะแนนสอบอันดับ 1 สม่ำเสมอ พร้อมทั้งก้าวขึ้นสู่ระดับชั้นมัธยมปลาย จากนั้นก็ใช้เวลาอีกเพียงปีเดียวเช่นเคย เพื่อสำเร็จการศึกษามัธยม และเข้าสู่สนามสอบเข้ามหาวิทยาลัยในตอนที่อายุเพียง 10 ขวบ

ชีวิตที่พลิกผัน หลังเข้ามหาวิทยาลัย 1 ปี

แม้จะมีสติปัญญาอันชาญฉลาด แต่เขาก็ยังเป็นเพียงเด็กคนหนึ่ง นอกจากนี้ หลังจากศึกษาด้วยตนเองที่บ้านเป็นเวลาหลายปี มีเวลาไปโรงเรียนน้อยมาก และบ่อยครั้งต้องเปลี่ยนสภาพแวดล้อมเนื่องจากเรียนแบบก้าวกระโดดข้ามระดับชั้น ท้ายที่สุดสภาพแวดล้อมของมหาวิทยาลัยยังคง "หนักหนาไป" สำหรับเด็กชายวัย 10 ขวบ

การเข้าหอพักของมหาวิทยาลัย หมายถึงต้องออกจากอ้อมแขนของพ่อแม่ และการไม่มีเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกับเขาทำให้เขามักจะรู้สึกหดหู่และเหงา เนื่องจากอายุที่ต่างกันมากเกินไป เพื่อนร่วมชั้นจึงไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์หรือโต้ตอบกับเขามากนัก ที่มากกว่านั้นก็คือ เด็กชายในวัยซุกซนและเฉลียวฉลาด พบว่าเขาได้เรียนรู้ความรู้ทั้งหมดก่อนที่อาจารย์จะสอนแล้ว ดังนั้น จึงใช้เวลาว่างในห้องบรรยายเพื่อแกล้งทุกคน เรื่องนี้สร้างปัญหาให้เพื่อนในชั้นเรียนเป็นอย่างมาก

เมื่อเวลาผ่านไป เด็กชายเริ่มวอกแวกมากขึ้นในชั้นเรียน บางครั้งก็เผลอหลับไปในห้องบรรยาย และดูเหมือนจะไม่สามารถปรับตัวเข้ากับวิธีการถ่ายทอดความรู้ของครูได้ แม้ว่าพ่อแม่ของเขาจะสอนความรู้มากมายให้เขาตั้งแต่เขายังเด็ก แต่เพราะเขาไม่เคยมีประสบการณ์ชีวิตกลุ่มมาก่อน ทำให้ทุกอย่างกลายเป็นเรื่องยาก ในที่สุดหลังจากเรียนวิทยาลัยได้เพียง 1 ปี ก็ตัดสินใจลาออก และเดินทางกลับบ้านเกิด

หลังจากนั้นเขาก็เติบโตขึ้นเรื่อย ความคิดก็ค่อยๆ เป็นผู้ใหญ่มากขึ้นตามเวลา แต่สติปัญญาอัจฉริยะของเขาไม่พัฒนาเร็วเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป ด้วยจุดเริ่มต้นที่เร็วกว่าคนอื่นหลายเท่า จึงถูกคาดหวังให้สร้างตำนานในสาขาการวิจัยทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอยู่เสมอ อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้อัจฉริยะในปีนั้นได้กลับมามีชีวิตตามปกติแล้ว โดยทำงานในสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในท้องถิ่น

วันนี้ของ \

วันนี้ของ "เด็กที่มีไอคิวสูงสุดในโลก" พูดได้ 5 ภาษาตั้งแต่ 5 ขวบ, จบป.เอกตอนอายุ 15 ปี (มีคลิป)

เรื่องราวของ คิมอุงยอง (อังกฤษ : Kim Ung-Yong, เกาหลี : 김웅용) อดีตเด็กอัจฉริยะที่ได้ชื่อว่ามี IQ สูงสุดของโลก แต่ชีวิตของเขาไม่ได้สวยงาม

\

"เด็กอัจฉริยะ" เรียน ป.โท สถาบันวิทยาศาสตร์ แต่ "แปรงฟันไม่เป็น" สาเหตุมาจากแม่

"อัจฉริยะแห่งตะวันออก" อายุแค่ 13 สอบติดมหาวิทยาลัย อายุ 17 ถูกเชิญเข้าเรียน ป.โท สถาบันวิทยาศาสตร์ แต่จบไม่สวยเพราะ "ใช้ชีวิตเองไม่เป็น" แม่ทรุดโทษตัวเองเลี้ยงมา

รู้จัก “ซูบอร์โน ไอแซ็ก บารี” เด็กอัจฉริยะวัย 12 จำตารางธาตุได้ตั้งแต่อายุ 2 ขวบ แถมเป็นอาจารย์ด้วย

รู้จัก “ซูบอร์โน ไอแซ็ก บารี” เด็กอัจฉริยะวัย 12 จำตารางธาตุได้ตั้งแต่อายุ 2 ขวบ แถมเป็นอาจารย์ด้วย

สุดน่าทึ่ง! เด็กอัจฉริยะวัย 12 “จำตารางธาตุได้ตั้งแต่วัยเพียง 2 ปี” นอกจากนี้ยัง “เป็นอาจารย์บรรยายในมหาลัยอินเดีย ด้วยวัยเพียง 7 ปี” เป็นไปได้อย่างไร?