เนื้อหาในหมวด ข่าว

เจอแล้ว! ลูกชาย 8 ขวบ ผวา \

เจอแล้ว! ลูกชาย 8 ขวบ ผวา "คำขู่" ของพ่อ หนีหาย 17 ปี กลับบ้านอีกทีเปลี่ยนไปสิ้นเชิง

"คำขู่" ที่พ่อพูดตอนโกรธ ทำลูกชาย 8 ขวบหวาดผวาหนัก หนีหายจากบ้าน 17 ปี ครอบครัวสุขสันต์ต้องแตกแยก

ย้อนกลับไปในปี ค.ศ.2002 "หวัง" (นามสมมุติ) เด็กชายชาวจีนอายุ 8 ขวบ ขึ้นรถไฟเดินทางไกลเป็นครั้งแรกพร้อมกับพ่อของเขา เพื่อไปเยี่ยมญาติที่เพิ่งคลอดลูกในเมืองฮั่นจง มณฑลส่านซี เมื่อไปถึงลุงได้ชวนพ่อเล่นหมากรุก ส่วนป้าก็วางทารกที่เพิ่งหลับไว้ในรถเข็น และขอให้หวังช่วยเธอเตรียมอาหารกลางวัน

ในเวลานี้เมื่อเด็กชายมองดูน้องสาวที่นอนหลับสบายบนรถเข็น ก็รู้สึกหดหู่และผลักรถเข็นไปรอบๆ ห้องนั่งเล่น ท้ายที่สุดก็ทำให้รถเข็นล้มลงโดยไม่ได้ตั้งใจ เด็กน้อยสะดุ้งตื่นและร้องไห้ด้วยความตกใจ เสียงนั้นทำให้ผู้ใหญ่ต่างวิ่งมาดูด้วยความตื่นตระหนก โชคดีที่ตอนนั้นผ้าห่มที่คลุมตัวเด็กค่อนข้างหนา และรถเข็นเด็กไม่สูงมาก แต่เด็กน้อยก็ส่งเสียงร้องอย่างน่าสงสาร แม้ป้าจะบอกว่าไม่เป็นไร เพราะไม่อยากดุหลานชาย แต่ดวงตาของเธอก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวด

แต่พ่อของหวังไมเป็นเช่นนั้น เขากล่าวดุด่าลูกชายทันทีว่าประมาทเกินไป ในขณะที่เขาพูดก็ยกมือขึ้นจะตีลงโทษด้วย แต่โชคดีที่ลุงเข้ามาห้ามไว้ได้ทัน ในเวลานั้นเด็กชายรู้ตัวว่าทำผิดจึงยืนนิ่งๆ อยู่ที่มุมห้อง อย่างไรก็ดี ตอนที่พ่อและลุงกำลังคุยกัน คำขู่ของพ่อที่บอกว่าจะ "ขายลูกชาย" ด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจนั้น ทำให้เด็กชายหวาดกลัวอย่างมาก และคำพูดเหล่านี้เองที่ได้เปลี่ยนชะตากรรมของพ่อลูกไปตลอดชีวิต

ตั้งแต่วัยเด็กหวังอาศัยอยู่กับปู่ที่รักเขามาก เนื่องจากพ่อทำงานนอกบ้านตลอดทั้งปีและไม่ค่อยได้กลับบ้าน เด็กชายซึ่งขาดความรักและความเอาใจใส่ ไม่รู้ว่าคำพูดของพ่อเป็นเพียงคำขู่เท่านั้น ในทางตรงกันข้ามแม้ว่าเขาจะอายุเพียง 8 ขวบ แต่เขารู้ดีว่าการถูกขายหมายความว่าเขาจะต้องทนทุกข์ทรมานมากมาย และคิดว่าพ่อต้องการให้เขาเผชิญชะตากรรมเช่นนั้น ตั้งแต่วินาทีนั้น เขารู้สึกเป็นครั้งแรกในใจดวงเล็กๆ ว่าพ่อแปลกและน่ากลัวมาก

ในคืนนั้นที่เขานอนอยู่บนเตียง ไม่ว่าเขาจะเหนื่อยแค่ไหนก็หลับไม่ลง คำพูดที่พ่อพูดระหว่างวันก้องอยู่ในหัว ด็กชายคิดว่าถ้าพ่อขายเขาระหว่างทางกลับบ้าน และเขาคงไม่ได้พบกับคนที่เขารักอีกต่อไป สุดท้ายจึงวางแผนว่าจะหลบหนีออกมา หวังจะเดินทางกลับบ้านเกิดเพียงลำพัง เพื่อตามหาปู่ให้ช่วยคุ้มครองจากพ่อ

การเดินทางที่ยากลำบาก หลบหนีคำขู่ "ขาย" ของพ่อ

เช้าวันรุ่งขึ้น หวังจึงแอบหนีออกมาจากบ้าน ในขณะที่พ่อกำลังคุยกับป้าและลุง จากนั้นวิ่งไปที่สถานีรถไฟตามความทรงจำว่าอยู่ไม่ไกลจากบ้าน อย่างไรก็ดี เมื่อถูกเจ้าหน้าที่ร้องขอให้แสดงตั๋วเดินทาง แน่นอนว่าเด็กชายไม่มีเงิน รู้สึกหดหู่และทำอะไรไม่ถูก ในตอนนั้นเองคู่รักวัยกลางคนก็เข้ามาหา ถามว่าเขากำลังจะไปที่ไหนและอาศัยอยู่ที่ไหน แต่เขาจำที่อยู่บ้านเกิดของตัวเองไม่ได้ เพียงพูดคลุมเครือว่าที่หน้าบ้านมีแม่น้ำใหญ่น้ำใสมากและมีปลามากมาย

คู่รักวัยกลางคนคู่นี้แต่งงานกันมาหลายปีและไม่มีลูก ดังนั้นเมื่อพวกเขาเห็นหวังตัวน้อยก็เต็มไปด้วยความรัก ในขณะที่เด็กชายก็ไม่ได้ระวังเลย ทันทีที่เขาได้ยินว่าอีกฝ่ายจะช่วยเหลือ ก็รีบตอบตกลงอย่างมีความสุข โชคดีที่คู่รักคู่นี้ไม่ใช่คนเลวร้าย ในตอนแรกพวกเขาตั้งใจจะพาเด็กกลับไปส่งที่บ้านจริงๆ แต่เนื่องจากไม่สามารถบอกสถานที่ได้อย่างเจาะจง ท้ายที่สุดจึงพาไปยังเมืองเล็กๆ ใกล้ "แม่น้ำใหญ่" ในชิงเต่า และมอบเงินให้เล็กน้อยก่อนจากไป

ในความเป็นจริง แม่น้ำใหญ่ที่หวังกล่าวถึงเป็นเพียงแม่น้ำ ในขณะที่สถานที่ที่ทั้งคู่พาเขาไปคือทะเล เมื่อเด็กชายเห็นทะเลอันกว้างใหญ่ตรงหน้า เขาก็ตระหนักทันทีว่าไม่ใช่แม่น้ำที่เขากำลังมองหา และสีหน้าสับสนก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง ตอนนี้เขาถูกพาจากเมืองหนึ่งไปยังอีกเมืองหนึ่ง รู้สึกหวาดกลัว ทำอะไรไม่ถูก และอยากจะร้องไห้ จึงวางแผนที่จะถามไปรอบๆ ไม่นานเงินที่คู่รักมอบให้ก็ถูกใช้ไปจนหมด แต่เขารู้ว่าทางกลับบ้านยังอีกไกลมาก เขาต้องกินและดื่ม ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องเสียเงิน แต่เขาจะทำได้อย่างไรให้ได้เงิน?

เขาเริ่มเก็บขวดไปขายเลียนแบบเด็กชายคนหนึ่งที๋โตกว่า ซึ่งให้คำแนะนำช่วยเหลือ ทำให้ไม่เพียงแต่เขาจะหาเงินได้เท่านั้น แต่เขายังสามารถผูกมิตรในเมืองที่แปลกประหลาดแห่งนี้ได้อีกด้วย กระทั่งเวลาผ่านไปเป็นปี วันหนึ่งได้สนทนากับชายชราและเล่าถึงสถานการณ์ของตนเอง อีกฝ่ายบอกว่าเขามีสำเนียงเสฉวน จึงคิดว่าบ้านเกิดของเด็กชายน่าจะอยู่ที่เฉิงตู มณฑลเสฉวน หลังจากได้รับเบาะแสนี้เขาก็รีบขอบคุณอย่างมีความสุข รีบรวมรวมเงินที่เก็บได้ บอกลาพี่ชายที่เก็บขวดด้วยกันมา และออกเดินทางอีกครั้งตามลำพัง

แต่เมื่อมาถึงเฉิงตู เขายังไม่พบแม้แต่แม่น้ำในความทรงจำ มีแต่ป้ายโฆษณาแสงสีน่าเวียนหัว ไม่นานนักก็หมดเงินอีกครั้ง เขาเริ่มเก็บขวดและได้พบกับเด็กผู้ชายกลุ่มหนึ่งอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน จึงตัดสินใจเข้าร่วมกลุ่มกับพวกเขา แต่ครั้งนี้เขาไม่โชคดีเหมือนครั้งที่แล้ว... เพราะแท้จริงแล้วพวกเขาไม่ได้ตั้งใจเก็บขวดเพื่อหาเงินเลี้ยงชีพ แต่เป็นกลุ่มอันธพาลที่ไม่มีการศึกษา จึงชักชวนให้เขาช่วยกระทำการลักขโมย อย่างไรก็ดี แม้หวังจะยังเด็กแต่รู้ว่านี่เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย เขาจึงปฏิเสธ แต่ก็ถูกข่มขู่จึงต้องลักขโมยเล็กๆ น้อยๆ หลายครั้ง

ท้ายที่สุดการกระทำก็ไม่รอดพ้นกฎหมาย เขาถูกจับกุมและตัดสินจำคุก 5 ปี 6 เดือน หัวใจของหวังทั้งเศร้าและโกรธ และในเวลาเดียวกันก็ไม่พอใจพ่อของตนเองมากยิ่งขึ้น รู้สึกว่าถ้าพ่อไม่พาเขาจากบ้านเกิดไปที่มณฑลส่านซี เขาคงไม่ทำรถเข็นของน้องล้ม และจะไม่เกิดเหตุการณ์ต่างๆ ตามมาอีกในภายหลัง

ได้รู้ความจริงเบื้องหลัง "คำขู่" ของพ่อ ระหว่างถูกคุมขัง

ในศูนย์กักกันเยาวชน เนื่องจากหวังยังอายุน้อยมาก เจ้าหน้าที่จึงแสดงความเห็นอกเห็นใจและสงสาร ในระหว่างการสนทนาจู่ๆ ก็ถามว่า “คิดถึงพ่อแม่หรือเปล่า?” แต่หวังตอบไปว่าเขาเกลียดพ่อ เมื่อเจ้าหน้าที่ทราบเหตุผลก็ระเบิดหัวเราะออกมา พร้อมตบไหล่และบอกว่านั่นเป็นเพียงคำแกล้งขู่ของคนเป็นพ่อเท่านั้น แต่เด็กชายยังคงไม่เชื่อและตอบโต้กลับด้วยท่าทางดื้อรั้น “ล้อเล่นหรือเปล่า? ผมเห็นสีหน้าจริงจังของพ่ออย่างชัดเจนในวันนั้น ดูเหมือนเขาไม่ได้ล้อเล่นเลย”

ตำรวจส่ายหัว สัมผัสศีรษะของเด็กชายเบาๆ ยิ้มแล้วพูดว่า "เจ้าเด็กโง่ เมื่อโตขึ้นนายเองก็จะพูดคำแบบนี้เมื่อโกรธเคืองลูกไม่มากก็น้อย ฉันมีลูกคนหนึ่ง อายุน้อยกว่านายสองสามปี บางครั้งที่เขาดื้อฉันยังเคยบอกว่าต้องการขายเขา! แต่นั่นเป็นเพียงคำพูดเวลาโกรธชั่วคราวเท่านั้น... คิดว่าพ่อจะกังวลแค่ไหนเมื่อนายหายออกจากบ้านกะทันหัน?”

ในขณะนี้เองที่จู่ๆ หวังก็ร้องไห้ออกมา ระหนักได้ว่าเขาเข้าใจพ่อผิดตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ตำรวจที่อยู่เคียงข้างปลอบใจ บอกว่าถ้าเขารู้ตัวว่าผิด ก็กลับบ้านไปขอโทษพ่อ แล้วทุกอย่างจะเรียบร้อย เด็กชายรีบพยักหน้ารับทั้งน้ำตา ความไม่พอใจที่มีต่อพ่อหายไป ถูกแทนที่ด้วยความปรารถนาและความเสียใจอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

ต่อมา เนื่องจากประพฤติตัวดี โทษของเขาจึงลดลงไปหนึ่งปีครึ่ง เขาได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำในปี ค.ศ.2011 วันที่เขาออกจากศูนย์กักขังเด็กและเยาวชน ตำรวจคนเดิมยังชี้แนะว่าสำเนียงของเขาฟังดูเหมือนสำเนียงของชาวฉงชิ่ง อีกทั้งยังให้ค่าใช้จ่ายในการเดินทางบางส่วนแก่เขาด้วย เมื่อมาถึงฉงชิ่งก็มีแม่น้ำสายใหญ่อยู่ที่นั่น แต่ก็ยังแตกต่างจากแม่น้ำในความทรงจำ เขาเดินไปตามริมฝั่งแม่น้ำเพื่อค้นหาบ้านของเขาเป็นเวลาหลายวัน แต่ก็ยังหาไม่เจอ เริ่มไม่แน่ใจว่าเป็นแม่น้ำสายเดียวกัยหรือเปล่า

สุดท้ายจึงตัดสินใจกลับไปเฉิงตูเพื่อทำงานหาเงิน โดยคิดว่าจะเก็บเงินมาสร้างบ้านใหม่ให้ครอบครัว ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินหรือหลังคารั่วอีก เขาเริ่มทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟ ก่อนเปลี่ยนไปทำที่ไซต์ก่อสร้างซึ่งได้เงินดีกว่า ตั้งใจทำงานหนักนานกว่า 3 ปี เมื่อมีเงินเก็บ 120,000 หยวน (ประมาณ 5.7 แสนบาท) ก็กลับไปที่ฉงชิ่งอีกครั้ง อย่างไรก็ตามการเดินทางไปหาบ้านยังคงสิ้นหวัง

พบเจอบ้านที่ตามหา แต่ครอบครัวสูญสลาย

ในเวลานั้นเทคโนโลยีกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว ระหว่างที่หวังกำลังรับประทานบะหมี่ในร้านอาหาร บังเอิญได้ยินเจ้าของร้านบอกว่าตอนนี้เขาสามารถขอความช่วยเหลือจากตำรวจและสื่อได้แล้ว เขาจึงเริ่มไปตามสื่อต่างๆ เล่าความทรงจำที่กระจัดกระจายเกี่ยวกับบ้านเกิด รวมถึงชื่อของปู่และพ่อของเขา

กระทั่งในปี 2019 หวังก็ได้บรรลุสิ่งที่ต้องการในที่สุด โดยพบว่าบ้านเกิดของเขาไม่ได้อยู่ในชิงเต่า เฉิงตู หรือฉงชิ่ง แต่อยู่ในเทียนเหมิน มณฑลหูเป่ย เขาได้พบกับพี่ชายทั้งสองคน พวกเขากอดกันและร้องไห้ แต่เมื่อเขาถามถึงปู่หรือพ่อกลับไม่ได้รับคำตอบใดๆ กลับมาจนทำให้ใจหาย

ปรากฎว่าหลังจากรู้ว่าลูกชายหนีออกไป พ่อของเขาก็ไม่รีบร้อนออกตามหาครั้งแล้วครั้งเล่า ใช้สารพัดวิธีแต่ก็ยังคงไม่พบเบาะแสใดๆ สุดท้ายก็กลับไปที่บ้านเกิดและเล่าเรื่องทั้งหมดให้ปู่ของลูกชายฟัง ก่อนเก็บกระเป๋าและออกจากบ้านไปอีกครั้ง โดยบอกว่าจะไปตามหาลูกชาย พร้อมกับทำงานหาเงินไปด้วย แต่แล้วก็ไม่เคยกลับมาอีกเลย ไม่เขียนจดหมาย หรือโทรศัพท์มา ราวกับว่าได้หายสาบสูญไปจากโลกนี้แล้ว

เมื่อหลานชายหายตัวไป จากนั้นก็ไม่มีข่าวเกี่ยวกับลูกชายอีกเลย ปู่ของหวังไม่สามารถทนความเจ็บปวดได้ ไม่กี่ปีต่อมาเขาก็ล้มป่วยหนักและเสียชีวิต ในเวลานั้นพี่ชายเติบโตขึ้นจนมีงานทำ จึงพยายามตามหาพ่อและน้องชาย กระทั่งได้มาเจอน้องชายในวันนี้ด้วยความช่วยเหลือจากสื่อและอินเตอร์เน็ต หลังจากรู้เรื่องราวทั้งหมด หวังรู้สึกเสียใจอย่างยิ่ง พี่ชายทั้งสองจึงช่วยปลอบใจเขา โดยบอกว่าต่อจากนี้พวกเขาทั้งหมดจะช่วยกันตามหาพ่อ

หวังตัดสินใจใช้เงินที่ทำงานมาได้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ปรับปรุงบ้านของครอบครัวตามที่ตั้งใจไว้ และออกไปทำงานกับพี่ชายของเขา อย่างไรก็ดี พวกเขานังคงไม่พบพ่อ ไม่รู้ว่าพ่อยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ แต่ก็จะไม่ยอมแพ้ เพราะต้องการพูดว่า “ผมขอโทษ” ต่อหน้าพ่อ หากย้อนเวลากลับไปได้บางทีเขาคงจะไม่มีวันหนีออกมา เพียงเพราะคำขู่ด้วยความโกรธของพ่อในตอนนั้น

บทเรียนที่ผู้ปกครองควรรู้ก่อนสายไป

เรื่องราวของนายหวังถือเป็นการเตือนใจพ่อแม่หลายคน ที่มักจะเลือกใช้วิธี "ขู่ว่าจะทอดทิ้ง" เมื่อลูกประพฤติตัวไม่ดี สำหรับผู้ใหญ่นี่อาจเป็นเรื่องตลกล้อเล่น แต่เด็กได้รับผลกระทบทางจิตใจอย่างรุนแรง เด็กๆ กลัวที่จะสูญเสียความรัก ดังนั้นพวกเขาจึงถูกบังคับให้ประนีประนอมหรือหาวิธีทำให้พ่อแม่พอใจ วิธีนี้ดูเหมือนมีประโยชน์มาก แต่จริงๆ แล้วมีอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้มากมาย

วิธีการข่มขู่ว่าจะทอดทิ้งเช่นนี้ สามารถควบคุมและฝึกเด็กได้ชั่วคราว แต่อาจทำให้เด็กค่อยๆ สูญเสียความไว้วางใจในพ่อแม่ สูญเสียความรู้สึกมั่นคง และไม่ตระหนักถึงคุณค่าของตนเอง ทำให้ลูกไม่เชื่อว่าตนได้รับความรัก และไม่สามารถใกล้ชิดกับพ่อแม่ได้ ดังนั้นอย่าขู่ ควบคุม หรือบังคับให้ลูกเชื่อฟังโดยขู่ว่าจะไม่รักเขา

ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพ่อแม่และลูก คือการรักษาความเสมอภาค ความสามัคคีที่มีความสุข การมอบความไว้วางใจและความปลอดภัยที่เด็กๆ ต้องการ ในขณะเดียวกัน ต้องทำให้เด็กเชื่อมั่นว่าพ่อแม่จะไม่มีวันทอดทิ้ง และแม้ว่าพวกเขาจะไม่สมบูรณ์แบบ แต่พวกเขาก็ยังคู่ควรกับความรัก นี่คือแหล่งโภชนาการที่ดีที่สุดสำหรับพัฒนาการของเด็ก และเคล็ดลับของความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างครอบครัว

ขายบ้านตามหา \

ขายบ้านตามหา "ลูกสาวคนเก่ง" หายตัวหลังเรียนจบ เจอสภาพรุงรัง ใจพังรู้เหตุผลที่หนีมา

ลูกหายตัว 12 ปี หลังเรียนจบ ม.ชั้นนำ ขายบ้านตามหาจนเจอ อึ้งสภาพแทบไม่เหลือเค้าเดิม รู้เหตุผลใจสลาย

ลูกสาวโกรธพ่อ หนีออกจากบ้าน 20 ปี  โทร.กลับมาวันแต่งงาน พูดสั้นๆ ฟังแล้วหน้าชา

ลูกสาวโกรธพ่อ หนีออกจากบ้าน 20 ปี โทร.กลับมาวันแต่งงาน พูดสั้นๆ ฟังแล้วหน้าชา

พ่อบังคับเรื่องเรียน ลูกสาวหนีออกจากบ้าน 20 ปี โทร.กลับบ้านวันแต่งงาน พูดสั้นๆ พ่อแม่ฟังแล้วหน้าชา

ลูกสอบเข้ามหาลัยฯ ได้คะแนนสูงสุด จู่ๆ หายตัวลึกลับ ตามหา 9 ปี ถึงรู้ความจริงบีบหัวใจ

ลูกสอบเข้ามหาลัยฯ ได้คะแนนสูงสุด จู่ๆ หายตัวลึกลับ ตามหา 9 ปี ถึงรู้ความจริงบีบหัวใจ

สะเทือนใจ... ลูกชายสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้คะแนนสูงสุด แต่จู่ๆ หายตัวลึกลับก่อนเรียนจบ พ่อแม่ตามหาไม่ท้อ 9 ปี ถึงรู้ความจริงจากปากเจ้าตัว

หนีไป!!! สำรวจบ้านเช่าเจอ \

หนีไป!!! สำรวจบ้านเช่าเจอ "ข้อความลับ" คนอยู่ก่อนแอบเตือน สิ่งที่ "หลอก" น่ากลัวกว่าผี

คู่รักไปดูบ้านที่จะเช่า ผงะเจอข้อความ "หนีไป!!!" ที่แท้อดีตผู้เช่าเตือน สิ่งที่ "หลอก" ได้น่ากลัวกว่าผี อ่านจบโบกมือลาทันที