รูปปั้นที่ซื้อมาถูกๆ ใช้กั้นประตู เพิ่งรู้ต้นแบบคือ "ชายคนนี้" มูลค่าหลายล้านดอลลาร์!!!
รูปปั้นที่ซื้อมาใช้ “กั้นประตู” ในราคา 6 เหรียญ เพิ่งรู้ต้นแบบคือใคร อาจมีมูลค่าหลายล้านดอลลาร์!!!
รูปปั้นที่ซื้อมาในราคา 6 ดอลลาร์ และถูกใช้เป็นที่คั่นประตู แท้จริงแล้วคือหัวประติมากรรมอันล้ำค่าจากศตวรรษที่ 18 ของนักการเมืองชาวสก็อตแลนด์ และอาจมีมูลค่าหลายล้านดอลลาร์
รูปปั้นครึ่งตัวของเจ้าของที่ดินและนักการเมืองชาวสก็อตแลนด์ “เซอร์จอห์น กอร์ดอน” ถูกสร้างขึ้นโดยประติมากรชาวฝรั่งเศสแห่งราชสำนัก เอ็ดเม่ บูชาร์ดอง ในปี 1728 ขณะกอร์ดอนกำลังเยือนในกรุงโรม ซึ่งถือเป็นกิจกรรมปกติของชายหนุ่มผู้ร่ำรวยในสมัยนั้น ตามรายงานของ artnet.com
ตามรายงานของ CNN เป็นเวลาหลายศตวรรษที่ประติมากรรมนี้ถูกเก็บไว้ที่ปราสาทของครอบครัวในเมืองอินเวอร์กอร์ดอนซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ ในแถบที่ราบสูงของสก็อตแลนด์ แต่เมื่อปราสาทถูกขายในช่วงทศวรรษ 1920 สภาเมืองอินเวอร์กอร์ดอนได้รับประติมากรรมชิ้นนี้เข้าสู่ในการประมูลในปี 1930
จากนั้นงานศิลปะก็หายไปหลายทศวรรษ จนกระทั่งมีผู้สังเกตเห็นในปี 1998 ว่ามันถูกใช้เป็น “ที่คั่นประตู” ของโรงเก็บของในหมู่บ้านบาลินทอร์ ซึ่งในเวลานั้นสภาเมืองต้องจ่ายเงินประมาณ 500 ดอลลาร์ เพื่อซื้อคืนกลับมาตรวจสอบ กระทั่งผ่านเวลามาจนได้รับการประเมินมูลค่าเพิ่มสูงถึง 3.2 ล้านเหรียญสหรัฐ หลังจากที่ผู้เชี่ยวชาญเปิดเผยประวัติศาสตร์อันยาวนานของรูปปั้นนี้
ที่ผ่านมา นอกจากการให้ยืมชั่วคราวไปยังพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ในปารีสในปี 2016 และปีถัดมาในพิพิธภัณฑ์เก็ตตี้ ลอสแอนเจลิสชิ้นงานนี้ก็ยังคงถูกเก็บรักษาไว้ เพราะเจ้าหน้าที่ของสภาภูมิภาคฮายแลนด์เชื่อว่า มันจะมีค่าใช้จ่ายสูงเกินไปในการทำประกันหากนำไปแสดงต่อสาธารณะ
ดังนั้น ตามรายงานของ CNN ระบุว่า เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ศาลของสกอตแลนด์ได้อนุมัติแผนการขายชิ้นงานนี้ และคาดว่ามันอาจจะขายได้ในราคากว่า 3.2 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสภาภูมิภาคฮายแลนด์ได้รับข้อเสนอแล้วจากผู้ซื้อที่ไม่เปิดเผยตัวตน ได้ติดต่อไปยังบ้านประมูลโซธบีในปีที่แล้ว และยื่นข้อเสนอมากกว่า 3 ล้านดอลลาร์
แต่ยังไม่ชัดเจนว่าผู้ซื้อรายนี้จะได้รับชิ้นงานนี้หรือไม่ หากว่าเขาอาศัยอยู่ต่างประเทศ เนื่องจากชิ้นงานนี้น่าจะต้องผ่านกระบวนการทางกฎหมายเพื่อพิจารณาว่าควรถือว่าเป็นสมบัติของชาติหรือไม่ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจะถูกห้ามไม่ให้ส่งออกไปต่างประเทศ
ทั้งนี้ เงินที่ได้จากการขายชิ้นงานนี้จะถูกส่งไปยังกองทุน Invergordon Common Good Fund ซึ่งให้ทุนสนับสนุนโครงการท้องถิ่น ตามรายงานของ artnet