สาวเป็นสิวที่หน้าผาก 2 ปี ไม่หายสักที หมอบอกแทบช็อก ที่แท้เป็นมะเร็ง
แม่ลูกอ่อนแชร์อุทาหรณ์ เป็นสิวที่หน้าผาก ไม่หายสักที กลับกลายเป็นสิ่งที่อันตรายกว่าที่คิด แท้จริงแล้วคือมะเร็ง
คุณแม่ลูกอ่อนรายหนึ่งได้ออกมาแชร์อุทาหรณ์ หลังพบว่า "สิว" บนใบหน้าของเธอแท้จริงแล้วคือมะเร็ง
ราเชล โอลิเวีย วัย 32 ปี สังเกตเห็นสิวปรากฏขึ้นบริเวณหน้าผากใกล้กับไรผม ดูเหมือนจะเกิดขึ้นอย่างฉับพลันในชั่วข้ามคืน 2 ปีต่อมา สิวเล็กๆ นั้นกลายเป็นสะเก็ดสีน้ำตาลขนาดใหญ่
ในตอนแรก จุดสีแดงเล็กๆ บนใบหน้าของเธอถูกแพทย์วินิจฉัยว่าเป็นเพียง "สิวที่บีบแรงเกินไป" มันลอกและไม่หายสักที เธอจึงตัดสินใจให้แพทย์ตรวจซ้ำ
“ฉันปล่อยไว้นานเป็นปี แต่มันก็ไม่เคยหาย ฉันจึงเชื่อในสัญชาตญาณตัวเองและยืนกรานให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญตรวจซ้ำ พวกเขาทำการตรวจชิ้นเนื้อและยืนยันว่ามันคือมะเร็ง” เธอกล่าวกับ news.com.au
ข่าวนี้ทำให้ราเชลตกใจอย่างมาก
“ฉันไม่เคยเป็นคนที่ชอบอาบแดดหรือจะนั่งตากแดดเลย เพื่อนๆ และครอบครัวรู้ดีว่าฉันเป็นคนที่ระมัดระวังแดดเสมอ” เธอกล่าว
“โชคร้ายที่ฉันเคยโดนแดดเผารุนแรงตอนเป็นวัยรุ่น และนั่นก็เพียงพอแล้ว”
โชคดีที่มันไม่ใช่มะเร็งเมลาโนมา (มะเร็งผิวหนังที่ลุกลามและมีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตสูงที่สุด) แต่เธอได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งผิวหนังชนิดเซลล์ฐาน (Basal Cell Carcinoma) ซึ่งมักเกิดขึ้นบริเวณใบหน้า มักมีลักษณะเป็นก้อนขาวๆ คล้ายขี้ผึ้ง หรือเป็นแผ่นสีน้ำตาลที่มีผิวขรุขระ
“ฉันโล่งใจที่มันไม่ใช่เมลาโนมา แต่ก็ยังตกใจที่มันเป็นมะเร็งอยู่ดี คุณหมอบอกว่าฉันยังสาวอยู่สำหรับการเป็นมะเร็งแบบนี้ และยังอธิบายว่าออสเตรเลียมีอัตราการเกิดมะเร็งผิวหนังสูงที่สุดในโลก” เธอกล่าว
ราเชลได้รับการสั่งจ่ายยา Aldara ซึ่งเป็นการรักษามะเร็งชนิดทาผิวสำหรับมะเร็งของเธอ อย่างไรก็ตาม ภายใน 6 เดือน เธออาจต้องทำการผ่าตัดเอาก้อนออกด้วยวิธีทางการแพทย์
แม้ว่าการรักษาจะไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่ายเลยสำหรับแม่ลูกอ่อนอย่างเธอ
“ฉันจะไม่โกหกนะ มันมีความท้าทายมาก ฉันมีลูกเล็ก ต้องระมัดระวังไม่ให้ครีมติดตัวเธอในตอนกลางคืนเมื่อฉันต้องทามัน” เธอกล่าว
“ตอนนี้มันเป็นสะเก็ดแล้ว การดูแลมันกับลูกเล็กก็ยาก เพราะกลัวจะโดนชนเข้า”
เธอกล่าวว่าในแง่มุมความสวยงาม มันก็เป็นเรื่องที่ท้าทายในการเห็นจุดเล็กๆ กลายเป็นสิ่งที่ใหญ่อย่างนี้
1 สัปดาห์หลังจากที่ราเชลหยุดการรักษาด้วย Aldara เธอกล่าวว่าสะเก็ดยังดูน่าขยะแขยงอยู่
อย่างไรก็ตาม คาดว่ามันจะหายภายในไม่กี่สัปดาห์ และหลายคนที่เคยผ่านการรักษานี้ก็ได้ให้กำลังใจราเชลว่าเธออาจจะเหลือแค่รอยแผลเป็นเท่านั้น