สาวส่องกล้องพบ "หลอดอาหาร" สภาพสะบักสะบอม สาเหตุคาดไม่ถึง นิสัยการดื่มน้ำผิดๆ
สาวส่องกล้องพบ "หลอดอาหาร" สภาพสะบักสะบอม หมอชี้สาเหตุที่คนไข้ก็คาดไม่ถึง เพราะนิสัยการดื่มน้ำผิดๆ
หญิงวัย 30 ปีจากภาคเหนือของจีนเข้ารับการปรึกษาทางการแพทย์ เนื่องจากมีอาการกลืนลำบาก แพทย์ได้ทำการส่องกล้องระบบทางเดินอาหาร (gastroscopy) และพบ "แผลขนาดใหญ่" บริเวณกลางและล่างของหลอดอาหาร ซึ่งเป็นอาการที่พบได้ทั่วไปใน "โรคหลอดอาหารอักเสบจากยา"
จาง จิ้ง แพทย์เฉพาะทางด้านระบบทางเดินอาหารและตับ-ท่อน้ำดี ชี้ว่า สาเหตุหลักของแผลไหม้ที่หลอดอาหารเกิดจากยาที่ติดอยู่กับเยื่อบุหลอดอาหาร ทำให้เกิดการอักเสบและบางครั้งถึงขั้นเกิดแผลในหลอดอาหาร ซึ่งมักเกิดจากการดื่มน้ำน้อยเกินไปขณะรับประทานยา หรือการนอนราบทันทีหลังรับประทานยา ปัญหานี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกช่วงอายุ
บทความพิเศษของหมอจาง จิ้ง ได้อธิบายว่า หญิงรายนี้มีอาการกลืนลำบาก แพทย์หูคอจมูกได้จัดการส่องกล้องตรวจกล่องเสียงแต่ไม่พบความผิดปกติ เมื่อสอบถามประวัติการรักษาอย่างละเอียด พบว่าเธอเพิ่งรับประทานยาปฏิชีวนะเพื่อรักษาอาการทางผิวหนัง ทำให้แพทย์สงสัยว่าแผลหลอดอาหารอาจเกิดจากยา และจึงจัดการส่องกล้องทางเดินอาหารข้ามแผนกทันที
"และก็เป็นไปตามคาด! กล้องส่องพบแผลหลอดอาหารขนาดใหญ่บริเวณกลางและล่างของหลอดอาหาร" จาง จิ้ง กล่าวขณะดูผลตรวจจากกล้องส่อง เขาอธิบายว่านี่เป็นอาการ "โรคหลอดอาหารอักเสบจากยา" แบบชัดเจน หลังจากการตรวจ แพทย์ได้จ่ายยารักษาและแนะนำวิธีปฏิบัติเพื่อลดความเสียหายซ้ำต่อแผลในหลอดอาหาร
สาเหตุและคำแนะนำในการป้องกัน
จาง จิ้งอธิบายว่า โรคหลอดอาหารอักเสบจากยามักเกิดจากยาที่ติดอยู่กับเยื่อบุหลอดอาหาร ซึ่งก่อให้เกิดการอักเสบและแผลในหลอดอาหาร สาเหตุหลักมักเกิดจากการดื่มน้ำไม่เพียงพอขณะรับประทานยา หรือการนอนราบทันทีหลังทานยา
ยาที่มักก่อให้เกิดโรคนี้ เช่น
-
ยาปฏิชีวนะ (เช่น ด็อกซีไซคลีน)
-
ยาแก้ปวดและต้านการอักเสบ (NSAIDs)
อาการมักจะหายไปภายในไม่กี่วันหลังหยุดยาที่เป็นสาเหตุ และใช้ยาลดกรดหรือยานมเคลือบกระเพาะช่วยบรรเทา
จาง จิ้งกล่าวในการสัมภาษณ์กับ ETtoday ว่า อัตราการเกิดโรคหลอดอาหารอักเสบจากยาประมาณ 3.9 คนต่อประชากร 100,000 คน "ไม่ใช่โรคที่พบบ่อยมาก แต่ก็มีผู้ป่วยให้เห็นบ้าง" โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิง ผู้สูงอายุ และเด็ก
วิธีป้องกัน
จาง จิ้งแนะนำว่า การใช้ยาในชีวิตประจำวันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่สามารถลดความเสี่ยงได้โดยปฏิบัติตามหลักการสำคัญ เช่น
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ (ประมาณ 200-250 มิลลิลิตร) ขณะรับประทานยา
- อย่านอนราบทันทีหลังรับประทานยา ควรรอประมาณ 30 นาที
การปฏิบัติเหล่านี้สามารถช่วยป้องกันการเกิดโรคหลอดอาหารอักเสบจากยาได้อย่างมีประสิทธิภาพ