ดูแลอย่างดี ทำไม "ฟันเหลือง" หมอย้ำ 2 สิ่งที่พลาดแทบทุกคน และเวลาที่ "ห้าม" แปรงฟัน
ดูแลฟันอย่างพิถีพิถันแต่ยังคงมีสีเหลืองอยู่? ทันตแพทย์ชี้ 2 ข้อผิดพลาดที่เกือบทุกคนทำ และต้องจำ 2 เวลา "ห้าม" แปรงฟัน
หลายคนเชื่อว่าได้ดูแลฟันอย่างถูกต้องแล้ว แต่เมื่อเห็นว่าฟันยังคงมีสีเหลืองหรือไม่ขาวใสตามที่ต้องการ ก็มักสงสัยว่า "ทำไมถึงเป็นแบบนี้? หรือว่าเราทำอะไรผิดไป?" หากคุณดูแลฟันอย่างดี เช่น แปรงฟัน, ใช้ไหมขัดฟันบ่อยๆ, ตรวจสุขภาพฟันตามระยะเวลา และหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้ฟันเหลือง แต่ยังคงเห็นว่าฟันไม่ขาวขึ้นตามที่หวังไว้ อย่าเพิ่งรู้สึกผิดหวังไป เพราะคุณไม่ใช่คนเดียวที่เจอสถานการณ์นี้
Dr. Zainab Mackie ทันตแพทย์จากรัฐมิชิแกน สหรัฐอเมริกา กล่าวว่าแม้จะปฏิบัติตามขั้นตอนการดูแลฟันทั้งหมดนี้ แต่ฟันยังอาจมีการเปลี่ยนสี เนื่องจากคุณอาจทำผิดพลาดใน 2 จุดสำคัญนี้ คือ
1. แปรงฟันแรงเกินไป
หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ฟันเหลืองคือการแปรงฟันแรงเกินไป การแปรงฟันอย่างรุนแรงอาจทำให้เคลือบฟันที่ปกป้องฟันถูกสึกหรอ จนทำให้เนื้อฟันด้านในที่มีสีเหลืองปรากฏออกมา ซึ่งไม่เพียงแต่ทำให้ฟันเหลืองขึ้นเท่านั้น แต่ยังทำให้ฟันไวและเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพฟันอื่นๆ เช่น การสะสมคราบพลัค ฟันผุ หรือถึงขั้นฟันหลุด โดยคุณหมออธิบายว่า เคลือบฟันที่ปกป้องฟันอาจถูกทำลายไปตามเวลา และหากแปรงฟันแรงเกินไป ก็จะเร่งกระบวนการนี้ให้เกิดขึ้นเร็วขึ้น
2. รูปแบบการกินและการใช้ชีวิต
คุณหมออธิบายว่า อาหารและการใช้ชีวิตก็มีบทบาทสำคัญต่อสีฟันของเรา ถ้าสูบบุหรี่ กำลังใช้ยาบางชนิด หรือชอบดื่มเครื่องดื่มและอาหารที่สามารถทำให้ฟันเปลี่ยนสี ฟันก็อาจจะเหลืองได้ โดยเฉพาะการดื่มเครื่องดื่มที่มีความเป็นกรด เช่น น้ำผลไม้ ก็สามารถทำให้ฟันเหลืองได้เช่นกัน
แล้วจะทำอย่างไรเพื่อหลีกเลี่ยงฟันเหลือง? เพื่อให้รอยยิ้มสดใสอยู่เสมอ คุณหมอแนะนำให้หลีกเลี่ยงการแปรงฟันแรงเกินไป และลดการดื่มเครื่องดื่มอัดลมหรือเครื่องดื่มผลไม้ แทนที่จะเป็นเช่นนั้น ให้แปรงฟันอย่างเบามือและถูกวิธี และใช้หลอดดูดเพื่อลดการสัมผัสกับฟันโดยตรง ไม่ทำให้เคลือบฟันถูกทำลาย
ทันตแพทย์ชี้ 2 เวลา "ห้าม" แปรงฟัน
เราอาจเคยได้ยินบ่อยๆ ว่าควรแปรงฟันวันละ 2 ครั้ง และทันตแพทย์ส่วนใหญ่ก็แนะนำเช่นนั้น เพื่อป้องกันการสะสมของคราบพลัค ซึ่งเป็นสาเหตุของฟันผุ โรคเหงือก และกลิ่นปาก อย่างไรก็ตาม Dr. Shaadi Manouchehri ทันตแพทย์จากลอนดอน ชี้ว่าในบางกรณี "การไม่แปรงฟัน" ก็สำคัญไม่แพ้กัน โดยได้แชร์ 2 สถานการณ์ดังนี้
1. หลังจากการอาเจียน
คุณหมออธิบายว่า หลังจากที่เราอาเจียนมักจะอยากแปรงฟันทันที แต่จริงๆ แล้วสารจากกระเพาะอาหารมีความเป็นกรดสูง ในขณะที่ฟันถูกสร้างจากแร่ธาตุ เมื่อสารกรดเหล่านี้ย้อนขึ้นมาที่ปาก สภาพแวดล้อมในช่องปากจะกลายเป็นกรด หากแปรงฟันทันที จะขูดเอากรดนั้นเข้าไปบนฟัน ทำให้เคลือบฟันเสียหายได้ ดังนั้น ควรจะรออย่างน้อย 30-60 นาที ก่อนแปรงฟัน ในช่วงเวลานั้นคุณสามารถบ้วนปากด้วยน้ำยาบ้วนปาก หรือดื่มน้ำเพื่อลดกรดในช่องปากได้อย่างรวดเร็ว
2. หลังจากดื่มกาแฟ
คุณหมอระบุว่า กาแฟเองมีความเป็นกรดอยู่แล้ว โดยเฉพาะถ้าเติมนมและน้ำตาล ความเป็นกรดจะยิ่งสูงขึ้น ดังนั้นหากแปรงฟันทันทีหลังจากดื่มกาแฟ ก็กำลังขูดกรดเข้าไปบนฟัน ซึ่งจะทำให้เคลือบฟันถูกทำลายได้ คำแนะนำคือให้รออย่างน้อย 30-60 นาทีหลังจากดื่มกาแฟก่อนที่จะแปรงฟัน ในระหว่างนั้นสามารถบ้วนปากด้วยน้ำยาบ้วนปากหรือดื่มน้ำได้
- น้ำอัดลม-กาแฟ-ไวน์แดง เครื่องดื่มใดทำให้ "ฟันมีคราบ" มากที่สุด ทันตแพทย์ยังตกใจ!
- ผมเป็นทันตแพทย์! หมอเตือน "อย่ากิน" อาหารในช่วง 2 ชั่วโมงนี้ ถ้ายังอยากมีฟันแข็งแรง