![หนุ่มใช้ \](http://pe2.isanook.com/ns/0/ud/1945/9726110/new-thumbnail1200x720(5)(4).jpg)
หนุ่มใช้ "ยาระบาย" วันละ 4 ครั้ง ตอบมาประโยคนึง หมอถึงกับส่ายหัว เมื่อรู้เหตุผล
ชายหนุ่มใช้ "ยาระบาย" วันละ 4 ครั้ง แพทย์ถึงกับตกตะลึงเมื่อรู้เหตุผล แนะทริกช่วยบรรเทาอาการท้องผูก ช่วยขับถ่ายคล่อง
อาการท้องผูกกลายเป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อยในยุคปัจจุบัน ตามสถิติของมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์นครโฮจิมินห์ ระบุว่า ในเวียดนาม ทุก ๆ 3 คนจะมี 1 คนที่ประสบปัญหาท้องผูก โดย 59% ของผู้ป่วยเกิดจากพฤติกรรมการรับประทานอาหารและการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสม
ดร.จางเจิ้นหยง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านทางเดินอาหารและตับจากไต้หวัน เล่าถึงกรณีหนึ่งที่เขาเคยพบ ซึ่งเกี่ยวข้องกับปัญหาท้องผูก
ผู้ป่วยเป็นช่างทำผมหนุ่มที่เริ่มใช้ยาถ่ายตั้งแต่วัยรุ่น เพราะรู้สึกว่าวิธีนี้ช่วยให้ขับถ่ายง่ายขึ้นโดยไม่ต้องออกแรง ปัจจุบัน เขาต้องใช้ยาถ่ายวันละ 3-4 ครั้ง และต้องซื้อยา 1-2 กล่องทุกเดือนเพื่อใช้ที่บ้าน
พฤติกรรมดังกล่าวทำให้แพทย์ต้องส่ายหัวและเตือนว่า การใช้ยาถ่ายเป็นเวลานาน อาจส่งผลให้ร่างกายสูญเสียความสามารถในการขับถ่ายเองตามธรรมชาติ
ดร.จางเจิ้นหยง อธิบายว่า อาการท้องผูกเรื้อรังเป็นปัญหาที่พบได้บ่อย และสร้างความไม่สบายตัวให้กับผู้ป่วยจำนวนมากในคลินิกผู้ป่วยนอก
หนึ่งในกรณีที่ทำให้เขาจดจำได้เป็นอย่างดี คือช่างทำผมหนุ่มคนหนึ่งที่ใช้ยาถ่ายมาตั้งแต่วัยรุ่น ด้วยความสงสัย แพทย์จึงถามว่า "ทำไมถึงต้องใช้ยาถ่ายตั้งแต่อายุยังน้อย?"
คำตอบที่ได้รับคือ "ใช้แล้วขับถ่ายง่าย ไม่ต้องออกแรงเลย"
คำตอบที่ได้รับทำให้ ดร.จางเจิ้นหยง รู้สึกหมดหนทาง เขาเตือนชายหนุ่มว่าการใช้ยาถ่ายติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจทำให้ร่างกายสูญเสียความสามารถในการขับถ่ายตามธรรมชาติ และนำไปสู่ภาวะดื้อยา
ปัจจุบันผู้ป่วยรายนี้ต้องใช้ยาถ่ายวันละ 3-4 ครั้ง และต้องซื้อยาเหน็บถึง 1-2 กล่องต่อเดือนเพื่อใช้ที่บ้าน เมื่อตระหนักถึงผลกระทบ เขาถึงกับอุทานว่า "มันน่ากลัวจริงๆ"
ดร.จางเจิ้นหยง ยังได้แนะนำเคล็ดลับช่วยบรรเทาอาการท้องผูก เพื่อให้ขับถ่ายได้ง่ายขึ้น ดังนี้
1. ปรับพฤติกรรมการกิน: ควรรับประทานไฟเบอร์ หรือ เส้นใยอาหาร ในสัดส่วนที่เหมาะสม โดยไฟเบอร์ไม่ละลายน้ำ : ไฟเบอร์ละลายน้ำ ควรอยู่ที่ 2:1
- แหล่งไฟเบอร์ไม่ละลายน้ำ: ข้าวโอ๊ต ขนมปังโฮลวีต ถั่วต่างๆ ผักใบเขียวเข้ม
- แหล่งไฟเบอร์ละลายน้ำ: กีวี แอปเปิลทั้งเปลือก กระเจี๊ยบเขียว ผลไม้ตระกูลส้ม
ควรเพิ่มไฟเบอร์อย่างค่อยเป็นค่อยไป รวมถึงดื่มน้ำให้เพียงพอ (วันละ 1,000-2,000 มล.) เพราะหากรับประทานไฟเบอร์แต่ดื่มน้ำไม่พอ อาจทำให้ท้องผูกหนักขึ้น
"ไฟเบอร์ละลายน้ำ" กับ "ไฟเบอร์ไม่ละลายน้ำ" ต่างกันอย่างไร มีอยู่ในอาหารแบบไหน จำเป็นต่อร่างกายไหม
2. ฝึกนิสัยขับถ่ายให้เป็นเวลา: ควรมีเวลาขับถ่ายที่แน่นอน โดยเฉพาะช่วงเช้าหรือหลังอาหารเช้า ซึ่งเป็นช่วงที่ลำไส้ทำงานดีที่สุด และไม่ควรกลั้นอุจจาระ ควรฝึกให้ร่างกายตอบสนองต่อความรู้สึกอยากขับถ่ายทันที
3. เพิ่มการเคลื่อนไหวร่างกาย: ออกกำลังกายระดับปานกลางวันละ 30 นาที เพื่อช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้
4. ลองใช้โปรไบโอติกและพรีไบโอติก: การบริโภคอาหารหมักดองที่มีจุลินทรีย์ชนิดดี เช่น แลคโตบาซิลลัส หรือบิฟิโดแบคทีเรีย อาจช่วยปรับสมดุลของระบบย่อยอาหาร