.jpg)
3 วิธีถนอม "ข้าวเหลือ" ที่หลายคนคิดว่าดี แต่กลายเป็นเหยื่อของแบคทีเรียและเชื้อโรค
3 วิธีเก็บ "ข้าวเหลือ" ที่หลายคนคิดว่าดี แต่จริงๆ แล้วกลับเป็นแหล่งเพาะเชื้อให้แบคทีเรีย และส่งเสริมการเติบโตของเชื้อโรค
หลายคนมักคิดว่าการเก็บข้าวเหลือเป็นเรื่องง่ายและคุ้นเคยจนไม่ต้องพูดถึง และบางคนก็ทำผิดทุกวันโดยคิดว่าการทำแบบนี้คือวิธีที่ถูกต้อง
ในบางครั้งเราไม่สามารถทานข้าวที่หุงไว้ทั้งหมดในมื้อเดียวได้ ดังนั้นการเก็บข้าวเหลือไว้เพื่อใช้ในมื้อถัดไปจึงเป็นวิธีที่ดีและประหยัด แต่การเก็บข้าวเหลืออย่างถูกต้องก็สำคัญ ข้าวเหลือเองไม่ก่อให้เกิดอันตราย แต่ถ้าเก็บผิดวิธี อาจกลายเป็นแหล่งเพาะเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอาหารเป็นพิษ ท้องเสีย และสูญเสียคุณค่าทางโภชนาการ
ต่อไปนี้คือ 3 วิธีเก็บข้าวเหลือที่พบได้บ่อย แต่กลับเป็นการเปิดโอกาสให้แบคทีเรียเจริญเติบโตและเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคในอาหารของคุณ
1.ปล่อยข้าวเหลือทิ้งไว้กลางอุณหภูมิห้องนานเกินไป
หลายคนมักจะทิ้งข้าวเหลือไว้ในหม้อหรือบนโต๊ะหลังมื้ออาหาร คิดว่าแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็ยังทานได้ แต่จริงๆ แล้วแค่ 1-2 ชั่วโมงที่อุณหภูมิห้อง (โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน) ข้าวก็เริ่มเป็นแหล่งเพาะเชื้อแบคทีเรียแล้ว
หนึ่งในเชื้อแบคทีเรียที่อาจเกิดขึ้นคือ Bacillus cereus ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่สามารถสร้างสปอร์ทนความร้อนได้ เมื่อข้าวติดเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้ การอุ่นข้าวใหม่ก็ไม่สามารถทำลายสารพิษได้หมด ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการอาหารเป็นพิษ ท้องเสีย หรือปวดท้อง นอกจากนี้ ยังมีเชื้อแบคทีเรียอื่นๆ เช่น E. coli หรือ Staphylococcus aureus ที่สามารถเจริญเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมที่อบอุ่นและชื้น
ดังนั้นควรเก็บข้าวเหลือในภาชนะที่ปิดสนิทและเก็บในตู้เย็นโดยเร็วที่สุด ไม่ควรทิ้งข้าวไว้ข้างนอกเกิน 1 ชั่วโมง แม้จะยังไม่ได้ทานเลยก็ตาม
2. นำข้าวเหลือที่ยังร้อนๆ แช่เย็นทันที
การใส่ข้าวร้อนๆ ลงในตู้เย็นทันทีเป็นความผิดพลาดที่หลายคนคิดว่าเป็นวิธีที่ดี แต่กลับส่งผลตรงข้าม การเก็บข้าวร้อนจะทำให้เกิดความชื้นภายในภาชนะ ซึ่งสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย
ความร้อนจากข้าวยังทำให้อุณหภูมิในตู้เย็นสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลกระทบต่อคุณภาพของอาหารอื่นๆ ในตู้เย็น และทำให้ตู้เย็นทำงานหนักเกินไป นอกจากนี้ ข้าวยังเสี่ยงที่จะเปื่อยและอาจติดเชื้อ Bacillus cereus จากความชื้นสูง
วิธีที่ดีที่สุดคือการปล่อยให้ข้าวเย็นลงตามธรรมชาติประมาณ 10-30 นาที (ห้ามเกิน 1 ชั่วโมง) ก่อนที่จะใส่ข้าวลงในภาชนะปิดสนิทแล้วเก็บในตู้เย็น
3. เก็บข้าวที่เหลือไว้ในตู้เย็นนานเกินไป
หลายครอบครัวมักเก็บข้าวเหลือในตู้เย็นถึง 2-3 วัน หรือบางครั้งก็อุ่นซ้ำหลายครั้งเพื่อไม่ให้เปลือง แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า การเก็บข้าวไว้นานเกินไปไม่เพียงแต่ทำให้สารอาหารลดลงอย่างรวดเร็ว แต่ยังเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อแบคทีเรียและราที่อาจเป็นอันตรายต่อระบบย่อยอาหาร และหากสะสมเป็นเวลานานก็อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งได้
ข้าวที่ทิ้งไว้ข้ามคืนควรเก็บในภาชนะที่ปิดสนิทเพื่อป้องกันการปนเปื้อนจากเชื้อแบคทีเรียที่มาจากอาหารดิบอื่นในตู้เย็น โดยไม่ว่าจะเก็บอย่างไรก็ไม่ควรเก็บเกิน 24 ชั่วโมง หากยังไม่ได้ใช้หมดก็ควรทิ้งไปเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงต่อสุขภาพ
นอกจากนี้ ก่อนจะนำข้าวเหลือมากินใหม่ ควรตรวจสอบดูว่ามีสิ่งผิดปกติหรือชำรุดหรือไม่ แล้วจึงอุ่นให้ร้อนทั่วถึงเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่อาจเหลืออยู่ โดยดีที่สุดคืออุ่นข้าวเหลือเพียงครั้งเดียว หากกินไม่หมดควรทิ้งไป.