เนื้อหาในหมวด ข่าว

\

"กินกล้วย" เวลาไหนดีที่สุด กินตอนท้องว่างๆ เสี่ยงหัวใจเต้นผิดจังหวะ จริงหรือ?

กินกล้วยเวลาไหนดีที่สุด? แนะกินถูกเวลา ได้ประโยชน์สูงสุด หลีกเลี่ยงผลเสียต่อสุขภาพ

กล้วย เป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง อุดมไปด้วยโพแทสเซียม วิตามินC วิตามินB6 ไฟเบอร์ และสารต้านอนุมูลอิสระ แต่การจะได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่นั้น ต้องเลือกช่วงเวลาการบริโภคให้เหมาะสม แล้วกินกล้วยเวลาไหนดีที่สุด....?

ตามรายงานของสื่อต่างประเทศ ดร.เหงียน จุง ไฮ รองประธานสภาวิทยาศาสตร์แห่งชาติสมาคมการแพทย์แผนโบราณเวียดนาม แนะนำว่า ควรกินกล้วยในช่วงที่กระเพาะอาหารมีอาหารอยู่บ้างแล้ว โดยเฉพาะเวลา 09.00–10.00 น. และ 15.00–16.00 น. ซึ่งเป็นช่วงที่กรดในกระเพาะค่อนข้างคงที่ จะช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น ลดความหิว ทำให้อิ่มนาน เหมาะกับคนทำงานออฟฟิศหรือนักเรียนที่ใช้พลังงานสมอง

หลีกเลี่ยงการกินกล้วยตอนท้องว่าง โดยเฉพาะหลังตื่นนอนตอนเช้า เพราะอาจทำให้ระดับแมกนีเซียมและแคลเซียมในเลือดไม่สมดุล ส่งผลกระทบต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด
 และไม่ควรกินกล้วยตอนกลางคืนก่อนนอนเช่นกัน โดยเฉพาะในผู้ที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย เพราะอาจทำให้ระดับอินซูลินเพิ่มขึ้น รบกวนการนอนหลับ และทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นได้

เลือกกล้วยอย่างไรให้เหมาะ?

  • กล้วยสุกพอดี มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ให้รสหวานในระดับเหมาะสม และย่อยง่าย เหมาะกับคนทั่วไป

  • กล้วยสุกมากเกินไป มีน้ำตาลสูง (กลูโคส ฟรุกโตส) อาจไม่เหมาะกับผู้ป่วยเบาหวาน เพราะทำให้น้ำตาลในเลือดพุ่งสูง

  • กล้วยดิบหรือยังไม่สุกดี แม้จะมีน้ำตาลน้อย แต่มีแป้งต้านการย่อยสูง อาจทำให้แน่นท้อง ท้องอืด โดยเฉพาะในผู้ที่มีระบบย่อยอาหารไม่แข็งแรง

กลุ่มคนที่ควรจำกัดการกินกล้วย

  • ผู้ป่วยโรคไต ควรหลีกเลี่ยงการกินกล้วย เพราะกล้วยมีโพแทสเซียมสูง ซึ่งไตอาจขับออกได้ไม่หมด ทำให้โพแทสเซียมในเลือดสูงเกิน ส่งผลให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้

  • ผู้ที่ควบคุมน้ำตาลในเลือด ควรเลือกกล้วยสุกปานกลาง กินในปริมาณพอเหมาะ ไม่ควรกินกล้วยที่สุกมาก

เคล็ดลับการกินกล้วยให้ดีต่อสุขภาพ

  • กินกล้วยวันละ 1–2 ลูก ก็เพียงพอ

  • กินห่างจากมื้ออาหารหลัก 1–2 ชั่วโมง

  • สามารถจับคู่กล้วยกับ โยเกิร์ต ข้าวโอ๊ต หรือนัทต่างๆ เพื่อให้เป็นมื้อว่างที่อุดมด้วยคุณค่า เหมาะสำหรับคนรักสุขภาพ

ท้ายที่สุดแล้ว กล้วยยังคงเป็นผลไม้ที่อร่อย หาทานง่าย และมีประโยชน์หลากหลาย แต่ต้องเลือกเวลาและวิธีกินให้เหมาะสมเพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียง โดยเฉพาะผู้มีโรคประจำตัว เช่น ไตหรือเบาหวาน ควรปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการก่อนเพิ่มกล้วยในเมนูประจำวัน

หญิงวัย 66 กิน \

หญิงวัย 66 กิน "กล้วย" วันละลูกทุกเช้า 1 ปีต่อมาไปพบหมอ ทึ่งกับผลลัพธ์ที่ได้

ตื่นเช้ามากินกล้วยวันละ 1 ลูก ผ่านไป 1 ปี หญิงวัย 66 ปี ตรวจสุขภาพแล้วพบผลลัพธ์สุดเซอร์ไพรส์ หมอยังประหลาดใจ