เนื้อหาในหมวด ข่าว

3 \

3 "เวลาทอง" ของการกินโยเกิร์ต และ 2 อาหารต้องห้าม "กินคู่" ที่หลายคนคาดไม่ถึง

ผู้เชี่ยวชาญแนะนำ 3 ช่วงเวลาทองของการกิน "โยเกิร์ต" และ 2 เมนูต้องห้ามที่ไม่ควรกินคู่กับโยเกิร์ต ที่หลายคนอาจคาดไม่ถึง

โยเกิร์ตถือว่าอาหารสุขภาพดี แต่จะได้ประโยชน์ก็ต่อเมื่อกินให้ถูกวิธี

"โยเกิร์ต" ไม่ใช่แค่อาหารว่างอร่อย แต่ยังอัดแน่นด้วยคุณค่าทางโภชนาการ ใน 1 ถ้วยเล็กมีครบทั้งโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามิน และแร่ธาตุสำคัญ โยเกิร์ตช่วยปรับสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ ส่งเสริมการย่อยอาหารและระบบภูมิคุ้มกัน เพราะ 70% ภูมิติทางร่างกายมาจากลำไส้ที่แข็งแรง เมื่อช่องท้องดี สุขภาพโดยรวมก็ปึ๋งปั๋ง นอกจากนี้ ยังช่วยบำรุงผิว ลดน้ำหนัก ป้องกันกระดูกพรุน ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ และชะลอวัย

แต่ถ้ากินไม่ถูกจังหวะหรือวิธี ก็อาจไม่ได้ประโยชน์เหล่านี้เลย ตรงกันข้าม หากรู้จักกินให้เหมาะกับเวลา คุณประโยชน์จะยิ่งทวีคูณ

3 ช่วงเวลาทองที่ควรกินโยเกิร์ต

นี่คือ 3 เวลาที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้กินโยเกิร์ตเพื่อดูดซึมสารอาหารได้เต็มที่:

  • ประมาณ 1 ชั่วโมงหลังมื้อหลัก: ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการกินโยเกิร์ตคือ 1-2 ชั่วโมงหลังทานอาหารหลัก เพราะตอนนี้กรดในกระเพาะลดลง ช่วยให้จุลินทรีย์ดีในโยเกิร์ตอยู่รอดและทำงานได้เต็มที่ในระบบย่อยอาหาร การกินโยเกิร์ตในเวลานี้ยังช่วยป้องกันอาการอิ่มเกินไป จุกเสียด หรือการดูดซึมสารอาหารที่ผิดปกติอีกด้วย

  • ตอนเช้า: สำหรับคนที่กำลังควบคุมน้ำหนักหรือต้องการเริ่มต้นวันใหม่อย่างสดชื่น โยเกิร์ตรับประทานคู่กับธัญพืช ผลไม้ หรือถั่วต่าง ๆ เป็นตัวเลือกที่ลงตัว ไม่เพียงแต่ให้พลังงานเพียงพอ แต่ยังช่วยกระตุ้นระบบย่อย ทำให้ลำไส้สงบ เหมาะกับผู้ที่มีปัญหากระเพาะอักเสบอีกด้วย นอกจากนี้ โยเกิร์ตในตอนเช้ายังช่วยกระตุ้นความอยากอาหารและทำให้รู้สึกสดชื่นตื่นตัวได้รวดเร็ว

  • ก่อนหรือหลังออกกำลังกายหนัก: หากคุณออกกำลังกายเป็นประจำ โยเกิร์ตเป็นแหล่งโปรตีนและพลังงานที่เติมได้รวดเร็ว กินก่อนออกกำลังกายช่วยให้มีแรงโดยไม่รู้สึกอึดอัดท้อง ส่วนกินหลังออกกำลังกายช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อ เสริมแคลเซียมและจุลินทรีย์ดี อาจเพิ่มผลไม้เข้าไปด้วยเพื่อเสริมวิตามินและรสชาติ

อาหาร 2 ประเภทที่ไม่ควรกินคู่กับโยเกิร์ต

แม้โยเกิร์ตจะดีต่อสุขภาพ แต่ถ้ารับประทานผิดวิธีก็อาจเป็นโทษได้ นี่คือกลุ่มอาหาร 2 ประเภท ที่ควรหลีกเลี่ยงเมื่อนำมากินพร้อมหรือใกล้กับเวลาทานโยเกิร์ต

  • เนื้อแปรรูป: เช่น ไส้กรอก เบคอน กุนเชียง ฯลฯ มักมีสารไนเตรตซึ่งใช้รักษาคุณภาพเนื้อ แต่เมื่อนำมารวมกับกรดอินทรีย์ในโยเกิร์ต อาจเกิดสารไนโตรซามีนซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพหากรับประทานเป็นประจำในระยะยาว

  • ถั่วเหลืองและผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง: โยเกิร์ตอุดมด้วยแคลเซียม ส่วนถั่วเหลืองมีสารไฟเตต ซึ่งอาจขัดขวางการดูดซึมแคลเซียม การรับประทานทั้งสองชนิดใกล้กันจึงเสี่ยงทำให้ร่างกายขาดแคลเซียมแม้ได้รับในปริมาณมาก โดยเฉพาะหากทำอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการทานโยเกิร์ตร่วมกับอาหารทอด เพราะอาจทำให้ท้องอืดและย่อยยาก และไม่ควรรับประทานโยเกิร์ตใกล้กับปลาหรือหัวหอม รวมถึงอาหารที่มักก่อให้เกิดอาการแพ้ในผู้ที่ระบบย่อยอ่อนแอ

สวนทางความเชื่อเดิม! วิจัยระดับโลกอวย 1 อาหาร “แค่กิน” ก็ลดเสี่ยงตายก่อนวัยได้ 30%

สวนทางความเชื่อเดิม! วิจัยระดับโลกอวย 1 อาหาร “แค่กิน” ก็ลดเสี่ยงตายก่อนวัยได้ 30%

งานวิจัย 10 ปีจาก 21 ประเทศให้คำตอบ ยืนยัน กินอาหารเพียง "กลุ่มเดียว" ลดเสี่ยงเสียชีวิตก่อนวัย 30%

รู้ตัวหรือยัง? ผู้เชี่ยวชาญเตือนคน 3 กลุ่ม \

รู้ตัวหรือยัง? ผู้เชี่ยวชาญเตือนคน 3 กลุ่ม "ไม่กิน" โยเกิร์ตพร้อมดื่ม-เนยเทียม จะปลอดภัยกว่า!

ผู้เชี่ยวชาญเตือน 3 กลุ่มเสี่ยง ย้ำอาหารลดคอเลสเตอรอลบางชนิด อาจไม่เหมาะกับทุกคน!

มะเร็งลำไส้พุ่งในคนอายุน้อย นักวิทย์แนะเคล็ด(ไม่)ลับ แค่กิน 1 สิ่งทุกวัน ช่วยต้านได้!

มะเร็งลำไส้พุ่งในคนอายุน้อย นักวิทย์แนะเคล็ด(ไม่)ลับ แค่กิน 1 สิ่งทุกวัน ช่วยต้านได้!

นักวิจัยเผย "มื้อเช้า" แบบง่ายๆ ที่ควรกินทุกวัน ตัวช่วยลดเสี่ยงมะเร็งลำไส้ใหญ่ร้ายแรง

เซอร์ไพรส์! แพทย์ญี่ปุ่นโหวต \

เซอร์ไพรส์! แพทย์ญี่ปุ่นโหวต "ราชาสุขภาพ" อันดับ 1 มาแรง แซงบล็อกโคลี-อะโวคาโด!!!

แรงแซงทุกตัวเลือก! แพทย์ญี่ปุ่น 300 คนโหวต "สุดยอดอาหาร" ขึ้นแท่นอันดับ 1 เพื่อสุขภาพ คว้าแชมป์เหนือบล็อกโคลี-อะโวคาโด