.jpg)
แพง-แปลก-มีตำนาน เปิดรูปใกล้ๆ เจาะลึกนาฬิกา 50 ล้าน กับความลับของเลขท้าย "6"
ปิดนาฬิกาในตำนาน! Rolex Daytona แพลตตินัม 1999 เตรียมประมูล – ชิ้นสุดท้ายจากคอลเลกชันลับ คาดราคาทะลุ 50 ล้านบาท
หนึ่งในนาฬิกา Rolex Cosmograph Daytona ที่หายากที่สุดในประวัติศาสตร์ เตรียมเปิดประมูลเดือนพฤษภาคมนี้ ที่งาน Important Watches โดย Sotheby’s ณ กรุงเจนีวา ซึ่งถือเป็นบทสรุปของเรื่องเล่าสุดลึกลับในแวดวงนาฬิกาหรู
Rolex Cosmograph Daytona ปี 1999 รุ่น Ref. 16516 ผลิตจากวัสดุแพลตตินัมหายาก พร้อมหน้าปัดเปลือกหอยมุกฝังเพชร คาดว่าจะทำราคาประมูลได้ระหว่าง 700,000 ถึง 1,400,000 ฟรังก์สวิส หรือราว 28 - 56 ล้านบาท นับเป็นเรือนสุดท้ายในเซ็ตพิเศษ 4 เรือน ที่ถูกสั่งทำแบบเฉพาะเจาะจงโดยนักสะสมเพียงรายเดียวช่วงปลายยุค 90s – ซึ่งถือเป็นกรณีหายากอย่างยิ่งสำหรับแบรนด์ Rolex ที่แทบไม่เคยรับผลิตตามคำสั่งพิเศษของลูกค้า
"16516" กับความลับของเลขท้าย '6' แพลตตินัมที่ไม่มีใครคาดคิด
นาฬิกาทั้ง 4 เรือนในคอลเลกชันนี้มีหมายเลขอ้างอิงเดียวกัน แต่ความพิเศษอยู่ที่เลข “6” สุดท้าย ซึ่งบ่งบอกถึงการใช้วัสดุแพลตตินัม เป็นการ “ล้ำยุค” อย่างแท้จริง เพราะก่อนปี 2013 นั้น Rolex ไม่เคยผลิต Daytona รุ่นแพลตตินัมมาก่อน รุ่นอัตโนมัติทั้งหมดก่อนหน้านั้นมีเฉพาะสเตนเลส, ไบเมทัล และทองคำ
อีกหนึ่งตำนานที่เพิ่มมูลค่าให้กับนาฬิกาชุดนี้ คือข่าวลือที่ว่า Patrick Heiniger อดีตซีอีโอของ Rolex ผู้ดำรงตำแหน่งระหว่างปี 1992–2008 อาจเคยครอบครองหรือนำเรือนแรกๆ มาใส่เอง ก่อนการเปิดตัววัสดุแพลตตินัมอย่างเป็นทางการหลายปี
Sotheby’s เปิดเผยการมีอยู่ของซีรีส์ Daytona พิเศษนี้เป็นครั้งแรกในปี 2018 หลังจากที่เรื่องราวของมันเคยถูกมองว่าเป็นเพียงข่าวลือ โดยต่อมาเรือนหน้าปัดลาพิสเคยทำลายสถิติประมูลด้วยมูลค่าสูงถึง 3.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ฮ่องกงเมื่อปี 2020 ทั้งนี้ แต่ละเรือนจะมี "หน้าปัดลับ" ที่แตกต่างกัน ได้แก่
-
ลาพิส ลาซูลี (Lapis Lazuli)
-
เทอร์ควอยซ์ (Turquoise)
-
มุกดำ (Dark Mother-of-Pearl)
-
และเรือนสุดท้ายที่จะถูกประมูลในปีนี้คือ มุกธรรมชาติฝังเพชร 10 เม็ด ซึ่งเป็น เพียงเรือนเดียวในเซ็ตที่ตกแต่งด้วยอัญมณี
นาฬิกาเรือนนี้ขับเคลื่อนด้วยกลไกระดับตำนาน Zenith El Primero calibre 400 ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในปี 1969 และถูก Rolex นำมาใช้กับ Daytona รุ่นอัตโนมัติ ตั้งแต่ปี 1988 จนถึงปี 2000 ก่อนที่แบรนด์จะพัฒนาเครื่องกลไกของตนเองได้สำเร็จในภายหลัง การเลือกใช้เครื่อง El Primero ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความแม่นยำและทนทาน ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ Daytona กลายเป็นนาฬิกาโครโนกราฟอัตโนมัติที่ได้รับความนิยมสูงทั่วโลก และทำให้นาฬิการุ่นก่อนปี 2000 ที่ใช้กลไกของ Zenith นี้กลายเป็นของสะสมที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และเป็นที่ต้องการอย่างมากในตลาดนาฬิกาหรูจนถึงปัจจุบัน
บทสรุปของตำนาน 4 เรือน จุดจบของซีรีส์ลับสุดยอดแห่งวงการ
Benoît Colson หัวหน้าแผนกนาฬิกาของ Sotheby’s เจนีวา กล่าวว่า “นาฬิกาเรือนนี้คือหมุดหมายสำคัญในประวัติศาสตร์ของ Cosmograph Daytona ด้วยความหายาก เรื่องราว และฝีมือชั้นสูง มันจึงเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่สำคัญที่สุดเท่าที่เคยถูกนำเสนอในการประมูล และเป็นบทสรุปที่สมบูรณ์แบบของคอลเลกชันระดับตำนานนี้”
ในยุคที่นาฬิกาหรูไม่ใช่แค่ของใช้ แต่เป็น "สินทรัพย์" ที่เพิ่มมูลค่าได้จริง คอลเลกชันพิเศษเช่นนี้ถือเป็นขุมทรัพย์หายาก โดยเฉพาะเมื่อมาพร้อมที่มาแน่นชัด, อุปกรณ์ครบ, และกลไกระดับมาสเตอร์พีซ ใครที่กำลังมองหาการลงทุนใน “ของสะสมที่มีเรื่องราว” Rolex Daytona แพลตตินัม Ref. 16516 เรือนนี้ อาจเป็นชิ้นที่คุณไม่อยากพลาดในรอบหลายปี
- รวยไปทั้งชาติ! พาหมาเดินเล่นเจอกระป๋องใส่เหรียญทอง แยกขายได้เหรียญละ 34 ล้าน
- มองออกไหม?! ไข่รูปทรงหายากสุดๆ ปรากฏการณ์ "หนึ่งในพันล้าน" คนทุ่มจ่ายซื้อเฉียดหมื่น