เนื้อหาในหมวด ข่าว

ย้อนเหตุการณ์ช็อก กัปตันถูกดูดออกจากเครื่องบิน บนความสูง 17,000 ฟุต แต่รอดปาฏิหาริย์

ย้อนเหตุการณ์ช็อก กัปตันถูกดูดออกจากเครื่องบิน บนความสูง 17,000 ฟุต แต่รอดปาฏิหาริย์

ย้อนเหตุการณ์ช็อกโลกเมื่อ 30 ปีก่อน เมื่อ "กัปตัน" ถูกดูดออกจากหน้าต่างเครื่องบิน ที่ระดับความสูง 17,000 ฟุต แต่รอดตายอย่างปาฏิหาริย์

ทิม แลงคาสเตอร์ นักบินของสายการบิน British Airways เคยถูกดูดออกจากหน้าต่างห้องนักบินกลางอากาศ ขณะเครื่องบินอยู่ที่ระดับความสูงกว่า 17,000 ฟุต โดยมีพนักงานต้อนรับบนเครื่องช่วยชีวิตเขาไว้ได้อย่างหวุดหวิด ด้วยการจับขาเขาแน่นไม่ให้หลุดออกไปจนหมดตัว

ย้อนกลับไปเมื่อ 30 ปีก่อน เคยเกิดเหตุการณ์สุดสะเทือนขวัญกับนักบินของสายการบิน British Airways แต่ยังมีคนจำนวนมากที่ไม่เคยได้ยินเรื่องนี้เลย

และสิ่งที่น่าตกใจที่สุดก็คือ เหตุการณ์สุดสยองครั้งนี้ กลับกลายเป็นปาฏิหาริย์แห่งการรอดชีวิต และทำให้ชาย 2 คน กลายเป็นวีรบุรุษภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง

เหตุการณ์ชวนช็อกที่ระดับความสูง 17,000 ฟุต

เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน ปี 1990 เที่ยวบิน British Airways 5390 เดินทางจากเบอร์มิงแฮมไปยังมาลากา เพิ่งออกเดินทางมาได้ประมาณครึ่งชั่วโมง ด้วยเครื่องบินรุ่น BAC One-Eleven ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น

กัปตันทิม แลงคาสเตอร์ กำลังควบคุมห้องนักบินร่วมกับนักบินผู้ช่วย อลาสแตร์ แอตชิสัน ขณะที่เครื่องกำลังไต่ระดับขึ้นไป ทุกอย่างก็ดูปกติดี

แต่อยู่ ๆ ก็เกิดเหตุไม่คาดฝัน กระจกหน้าห้องนักบินด้านซ้ายเกิดระเบิดออกอย่างกะทันหัน ทำให้เกิดภาวะความดันอากาศลดฮวบอย่างรุนแรง ขณะเครื่องบินลอยอยู่เหนือพื้นดินที่ความสูงถึง 17,300 ฟุต

แรงอัดจากการระเบิดของอากาศทำให้อากาศที่คงตัวในห้องนักบินถูกดูดออกไปหมด และที่น่าสะพรึงกว่านั้น กัปตันทิม แลงคาสเตอร์ ก็ถูกแรงลมมหาศาลดูดตัวเขาหลุดออกจากที่นั่ง ติดคาอยู่ครึ่งตัวนอกเครื่องบิน

กัปตันและลูกเรือที่ช่วยชีวิตเขาไว้

เหตุการณ์สุดสะพรึงเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น

ในขณะที่กัปตันทิม แลงคาสเตอร์หมดสติ และร่างครึ่งบนของเขาถูกลอยออกไปนอกร่างเครื่องบิน ขาและลำตัวส่วนล่างยังติดอยู่ภายใน ไนเจล อ็อกเดน พนักงานต้อนรับบนเครื่อง เดินเข้าห้องนักบินมาเจอกับภาพอันน่าตกใจนี้พอดี

เมื่อแลงคาสเตอร์ถูกแรงลมดึงออกจากที่นั่ง คันบังคับเครื่องบินถูกกดไปข้างหน้า ทำให้เครื่องเอียงและเริ่มดิ่งหัวลงทางขวาอย่างรวดเร็ว

อ็อกเดนรู้ทันทีว่าเขาต้องทำอะไรสักอย่าง จึงรีบคว้ารอบเอวของกัปตันไว้แน่น และไม่ยอมปล่อย

ขณะเดียวกัน หัวหน้าพนักงานต้อนรับ จอห์น ฮาวเวิร์ด ก็รีบเข้ามาช่วย เขาจัดการเคลียร์เศษซากประตูห้องนักบินที่หลุดออกมาปิดกั้นแผงควบคุมการนำทาง เพื่อเปิดทางให้ผู้ช่วยนักบิน แอตชิสัน กลับมาควบคุมเครื่องบินได้อีกครั้ง

ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายนี้ เครื่องบินกำลังร่วงลงด้วยความเร็ว 4,600 ฟุตต่อนาที และเพื่อหลีกเลี่ยงการชนกลางอากาศ แอตชิสันต้องรีบควบคุมความดันอากาศให้คงที่ เพื่อให้ออกซิเจนกลับเข้าสู่ห้องโดยสาร และรักษาระดับการบินให้เครื่องทรงตัวอีกครั้ง

เลือดด้านบนและด้านขวาของหน้าต่าง

อย่างน่าอัศจรรย์ ผู้ช่วยนักบินสามารถควบคุมเครื่องบินกลับมาอยู่ในระดับความสูง 11,000 ฟุตได้ภายในเวลาเพียง 148 วินาที

ขณะนั้น ไซมอน โรเจอร์ส พนักงานต้อนรับอีกคนก็ผลัดเปลี่ยนกันเข้ามาช่วยยึดตัวกัปตันแลงคาสเตอร์ให้มั่นคง และพยายามปลอบโยนผู้โดยสารที่ตกใจกลัวหลังได้ยินเสียงดังสนั่นจากการที่กระจกหน้าห้องนักบินหลุดออกไป

กัปตันรอดชีวิตอย่างเหลือเชื่อ พร้อมบาดเจ็บหลายจุด

แลงคาสเตอร์ต้องห้อยตัวอยู่นอกเครื่องบินเป็นเวลานานถึง 22 นาที ก่อนที่ผู้ช่วยนักบินจะสามารถนำเครื่องลงจอดฉุกเฉินที่สนามบินเซาแทมป์ตันได้สำเร็จ ในช่วงเวลานั้น เขาได้รับบาดเจ็บหลายแห่งทั่วร่างกาย

ไนเจล อ็อกเดน เล่าย้อนเหตุการณ์สะเทือนขวัญนี้กับ Sydney Morning Herald ว่า

“ผมหันกลับไปทันที แล้วก็เห็นว่ากระจกหน้าห้องนักบินหายไป และทิม กัปตัน กำลังถูกดูดออกไปนอกเครื่อง เขาหลุดจากเข็มขัดนิรภัยไปแล้ว และสิ่งที่ผมเห็นก็มีแค่ขาของเขา ผมกระโดดข้ามคันบังคับเครื่องบินไปคว้าเอวเขาไว้ เพื่อไม่ให้เขาหลุดออกไปทั้งตัว เสื้อของเขาถูกลมฉีกออกจากหลัง และร่างกายของเขาถูกแรงลมพับขึ้น งออยู่เหนือหลังคาห้องนักบิน”

ศีรษะของแลงคาสเตอร์กระแทกกับลำตัวเครื่องบินซ้ำแล้วซ้ำเล่า ขณะที่ฮาเวิร์ดคว้าเข็มขัดนิรภัยของเขาไว้แน่นเพื่อไม่ให้ตกลงไป และนี่คือช่วงที่อ็อกเดนถึงกับหวาดผวากับสิ่งที่เห็น

เขาเล่าต่อว่า “สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ ดวงตาของเขายังลืมโพลงอยู่ ผมไม่มีวันลืมภาพนั้นเลยตลอดชีวิต พระเจ้ารู้ได้ยังไง แต่ในระหว่างที่เกิดทั้งหมดนี้ อลาสแตร์ก็ยังสามารถควบคุมเครื่องบินไว้ได้”

แลงคาสเตอร์รอดชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว

“ผมปล่อยให้จอห์นดูแลในห้องนักบิน แล้วรีบวิ่งกลับไปหาผู้โดยสาร เพราะทุกคนได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่น เพื่อนร่วมงานของผม ซู พรินซ์ ต้องดูแลเครื่องบินตามลำพังอยู่ตรงนั้น น่าสงสารเธอจริง ๆ

ผมตะโกนสุดเสียงว่า "เตรียมพร้อม! เตรียมพร้อม!" และทุกคนก็รู้ทันทีว่าสถานการณ์ร้ายแรงแค่ไหน

ความกดดันที่ถาโถมใส่อลาสแตร์คงมหาศาล เพราะชีวิตของทุกคนขึ้นอยู่กับเขาเพียงคนเดียว แต่เขาก็พาเครื่องบินลงจอดได้อย่างสมบูรณ์แบบ”

เรื่องราวเหตุการณ์นี้ถูกนำไปถ่ายทอดอีกครั้งในสารคดี Air Crash Investigation ของ National Geographic (หรือ Mayday) ซีซัน 3 ตอนที่ 2

โดย ไนเจล อ็อกเดน ได้บรรยายสภาพของกัปตันแลงคาสเตอร์ว่า “ร่างเขาเริ่มเขียวคล้ำ และดวงตาลืมค้างอยู่ ผมนึกว่าเขาตายแล้ว แต่พวกเราไม่มีทางปล่อยเขาไปแน่”

แม้จะรอดชีวิตมาได้ แต่อาการของแลงคาสเตอร์ก็สาหัส เขามีกระดูกหักหลายจุด เป็นบาดแผลจากอากาศหนาวจัด (frostbite) และช็อก ก่อนจะถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วนหลังเครื่องลงจอดที่สนามบินเซาแทมป์ตัน

สาเหตุที่ทำให้นักบินถูกดูดออกไปทางหน้าต่าง

เรื่องราวสะเทือนขวัญครั้งนี้มีต้นตอมาจากความผิดพลาดในการซ่อมบำรุงที่เกิดขึ้นเพียง 27 ชั่วโมงก่อนเหตุการณ์จะเกิดขึ้น

จากรายงานระบุว่า มีสลักเกลียว 84 ตัว จากทั้งหมด 90 ตัว ที่ใช้ยึดกระจกหน้าห้องนักบิน ถูกใส่ผิดขนาดหลังจากการเปลี่ยนตามรอบปกติ

เมื่อเครื่องบินไต่ระดับความสูง สลัก 87 ตัว หลุดออกจากกระจก และในที่สุดกระจกก็ถูกแรงดันอากาศดันหลุดออก เนื่องจากไม่มีตัวยึดที่แข็งแรงเพียงพอ

เหตุการณ์นี้นำไปสู่การปฏิรูปด้านความปลอดภัยในการบินครั้งใหญ่ และปัจจุบันยังถูกใช้เป็นกรณีศึกษาในการฝึกอบรมนักบินและพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินทั่วโลก

ในระหว่างการรายงานข่าวของ NBC นักข่าวได้ถามกัปตันแลงคาสเตอร์ว่าเขากลัวว่าจะตายหรือไม่

“ก็แว่บเข้ามาในหัวเหมือนกันครับ” เขายอมรับ “อยู่แค่ช่วงสั้น ๆ ไม่กี่วินาที สิ่งที่ผมจำได้ชัดที่สุดก็คือ ผมหายใจไม่ได้เลย เพราะหน้าผมหันเข้ากระแสลมโดยตรง” แลงแคสเตอร์ กล่าว ในสารคดี Mayday ปี 2005

ชะตากรรมของกัปตันและพนักงานต้อนรับฮีโร่ 

สำหรับแลงคาสเตอร์และแอตชิสัน กัปตันแลงคาสเตอร์สามารถฟื้นตัวได้อย่างสมบูรณ์ และไม่เคยสูญเสียความรักในการบินเลย เขากลับมาขึ้นบินอีกครั้งภายในเวลาเพียง 5 เดือน 

หลังจากนั้นเขายังทำหน้าที่นักบินให้กับสายการบิน EasyJet จนเกษียณในปี 2008 โดยไม่เคยให้สัมภาษณ์สาธารณะเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เขาก็ได้รับพระราชทานรางวัล Queen’s Commendation สำหรับเรื่องราวการเอาชีวิตรอดอันน่าอัศจรรย์ของเขา

ในทำนองเดียวกัน แอตชิสันได้รับรางวัล Polaris Award สำหรับความสามารถด้านการบินที่ยอดเยี่ยม และไนเจล อ็อกเดนก็ได้รับพระราชทาน Queen’s Commendation for Valuable Service in the Air เช่นกัน

รู้จัก \

รู้จัก "โจอี้ อรวิภา" นางสาวไทยปี 2552 ผันตัวเองสู่อาชีพนักบิน สวยและเท่ที่สุด

โจอี้ อรวิภา นางสาวไทยปี 2552 สู่นักบินสาวสุดเท่ที่สวยและเก่ง หลายคนอยากรู้เจอเธอจากภารกิจส่งหัวใจดวงที่ 123

เดินไม่ได้-ร่างกายพัง! นักบินอวกาศเล่าผลกระทบสุดโหดหลังใช้ชีวิตในอวกาศนาน 136 วัน

เดินไม่ได้-ร่างกายพัง! นักบินอวกาศเล่าผลกระทบสุดโหดหลังใช้ชีวิตในอวกาศนาน 136 วัน

เปิดประสบการณ์ 136 วันในอวกาศของนักบินอวกาศที่ไปใช้ชีวิตบนอวกาศนาน 136 วัน และกลายเป็นความท้าทายของร่างกายเมื่อกลับสู่โลก

สิ้นสุดการรอคอย! \

สิ้นสุดการรอคอย! "2 นักบิน NASA" ที่ติดในอวกาศ 9 เดือน กลับสู่พื้นโลกแล้ว

นักบินอวกาศของนาซา (NASA) 2 คน คือ บุตช์ วิลมอร์ และ ซูนี วิลเลียมส์ ได้เดินทางกลับสู่พื้นโลกอย่างปลอดภัย หลังจากติดค้างอยู่บนสถานีอวกาศนานาชาติ (ISS) เป็นเวลา 9 เดือน

ไขข้อสงสัย ถ้า \

ไขข้อสงสัย ถ้า "โลกแตก" นักบินอวกาศที่อยู่บนสถานี ISS จะอยู่รอดได้นานแค่ไหน?

หากโลกถูกทำลายหมดสิ้น นักบินอวกาศของ NASA ที่ติดอยู่บนสถานีอวกาศนานาชาติ จะสามารถอยู่รอดได้นานแค่ไหน?