เนื้อหาในหมวด ข่าว

ลูกแค่ 4 ขวบ \

ลูกแค่ 4 ขวบ "ป่วยเบาหวาน" ต้องฉีดอินซูลิน 4 ครั้ง/วัน แม่ร้องไห้หนัก ตอนรู้สาเหตุจากแพทย์!

เด็กชายวัย 4 ขวบป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 ต้องฉีดอินซูลินวันละ 4 ครั้ง มานาน 9 ปีเต็ม แพทย์เผยสาเหตุสะเทือนใจ “ต้นเหตุมาจากครอบครัว”

กลายเป็นเรื่องสะเทือนใจในโลกออนไลน์ เด็กชายชาวจีนวัยเพียง 4 ขวบ ต้องใช้ชีวิตร่วมกับโรคเบาหวานชนิดที่ 1 ตั้งแต่ยังเล็ก แพทย์ชี้ชัดปัจจัยทั้งพันธุกรรมและการเลี้ยงดูในครอบครัวมีส่วนสำคัญ แม่ถึงกับร้องไห้โฮเมื่อได้ยินประโยคหนึ่งจากแพทย์ว่า “ทุกอย่างเริ่มจากครอบครัว”

ตามรายงานจากสื่อท้องถิ่นของจีน เด็กชายรายนี้ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น เบาหวานชนิดที่ 1 ตั้งแต่อายุเพียง 4 ขวบ และตลอด 9 ปีที่ผ่านมา ต้องฉีดอินซูลินวันละ 4 ครั้ง หากไม่ใช้ยา เด็กจะมีอาการเหนื่อยล้า นอนไม่หลับ และระดับน้ำตาลในเลือดไม่สามารถควบคุมได้

แม่ของเด็กชายเผยว่า ตั้งแต่ยังเล็กๆ ลูกมีอาการหิวบ่อย ปัสสาวะถี่ กระหายน้ำตลอดเวลา เหนื่อยง่าย และลมหายใจมีกลิ่นเหมือนผลไม้แม้จะแปรงฟันสะอาดแล้ว เมื่อนำตัวไปพบแพทย์ ก็พบข่าวร้ายว่าเด็กเป็นเบาหวานชนิดที่ 1 สร้างความช็อกให้กับครอบครัวเป็นอย่างมาก

ไม่เพียงแค่สัญญาณเตือนแรกเริ่มที่พ่อแม่มองข้ามเท่านั้น แต่สิ่งที่ทำให้แม่ถึงกับร้องไห้ คือคำพูดของแพทย์ที่บอกว่า “ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากครอบครัวเอง” พันธุกรรม + การเลี้ยงดูที่ผิด = จุดเริ่มต้นของโรค

เด็กชายคนนี้มี ประวัติครอบครัวที่ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 ตั้งแต่รุ่นปู่ พ่อ และลุง แต่ทั้งแม่และยายกลับมองข้าม คิดว่า “เบาหวานเป็นโรคของผู้ใหญ่ ไม่ใช่ของเด็ก” จึงไม่ได้เฝ้าระวังหรือพาลูกไปตรวจสุขภาพเป็นประจำ

หลังจากพ่อแม่หย่าร้าง เด็กอยู่กับยาย ซึ่งตามใจหลานมาก โดยให้กินขนมหวานและดื่มน้ำอัดลมเป็นประจำทุกวัน แม่ที่ทำงานต่างเมืองก็ไม่ได้สังเกตความผิดปกติ และยังส่งเงินให้ลูกซื้อของกินที่ชอบโดยไม่ตั้งคำถาม ทั้งที่ลูกดื่มน้ำอัดลมแทนน้ำเปล่ามาหลายปี

ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเบาหวานชนิดที่ 1

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า หลายครอบครัวเข้าใจผิดว่า เบาหวานชนิดที่ 1 ไม่ใช่โรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม แต่ในความจริงแล้ว โรคนี้มีความเกี่ยวข้องกับพันธุกรรมอย่างมาก และเกิดจากระบบภูมิคุ้มกันทำลายเซลล์สร้างอินซูลินในตับอ่อน หากเด็กมีพันธุกรรมเสี่ยง แล้วได้รับปัจจัยกระตุ้นจากสิ่งแวดล้อม เช่น อาหารที่มีน้ำตาลสูง หรือการติดเชื้อบางชนิด ก็อาจทำให้เกิดโรคได้เร็วขึ้น

และ "น้ำอัดลม" นับเป็นตัวการร้ายของสุขภาพเด็ก เนื่องมีน้ำตาลฟรุกโตสในปริมาณสูง ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งเร็ว ส่งผลให้ตับอ่อนทำงานหนัก และหากร่างกายเด็กยังไม่พัฒนาเต็มที่ ก็เสี่ยงต่อภาวะดื้อต่ออินซูลิน ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดโรคเบาหวานเร็วขึ้น โดยเฉพาะในเด็กที่มีประวัติครอบครัวป่วยเบาหวาน

ผลกระทบของเบาหวานในเด็ก ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ไม่ว่าจะเป็นชนิดที่ 1 หรือ 2 ต่างส่งผลระยะยาวที่รุนแรง เช่น ความเสื่อมของไต ดวงตา และเส้นประสาท หากไม่ได้รับการควบคุมอย่างเหมาะสม

กรณีของเด็กชายรายนี้จึงถูกเผยแพร่ในสื่อโซเชียลด้วยความตั้งใจของครอบครัว เพื่อเตือนสังคมให้ตระหนักถึงบทบาทของครอบครัวในการดูแลสุขภาพเด็ก โดยเฉพาะเมื่อมีประวัติพันธุกรรมของโรคเรื้อรัง พร้อมทั้งข้อแนะนำจากแพทย์สำหรับพ่อแม่ยุคใหม่ ดังนี้

  • หากครอบครัวมีประวัติเบาหวาน ควรพาเด็กตรวจสุขภาพเป็นประจำ

  • หลีกเลี่ยงการให้เด็กบริโภคน้ำอัดลมหรือของหวานมากเกินไป

  • สร้างนิสัยการกินอาหารที่มีประโยชน์ตั้งแต่เล็ก

  • ส่งเสริมการออกกำลังกายและกิจกรรมกลางแจ้ง

  • สังเกตสัญญาณผิดปกติ เช่น ปัสสาวะบ่อย เหนื่อยง่าย หรือหิวน้ำบ่อย