.jpg)
เปิดแอร์แล้วควรปรับทิศทางลมขึ้นหรือลง ถึงจะเย็นกว่ากัน? เปิดคำตอบจากผู้เชี่ยวชาญ
เปิดแอร์แล้วควรปรับทิศทางลมขึ้นหรือลง ถึงจะเย็นกว่ากัน? เผยคำตอบจากผู้เชี่ยวชาญที่หลายคนอาจไม่เคยรู้
แม้จะใช้แอร์มานาน แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะตอบคำถามนี้ได้ถูกต้อง
เมื่อเข้าสู่ช่วงหน้าร้อน เครื่องปรับอากาศกลายเป็นอุปกรณ์ยอดนิยมที่ทุกบ้านใช้กันอย่างต่อเนื่องและเต็มประสิทธิภาพ นอกจากการตั้งอุณหภูมิ ปรับความแรงลม หรือเลือกโหมดการทำงานให้เหมาะสมแล้ว ทิศทางลมก็เป็นปัจจัยสำคัญอย่างมาก
หลายคนมักคิดว่าการปรับทิศทางลมให้พัดลงมาที่ตัว จะทำให้เย็นที่สุด แต่ตามคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ยาวนานในด้านอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องปรับอากาศ บอกว่าความเชื่อนี้อาจไม่ถูกต้องเสมอไป
คำตอบจากผู้เชี่ยวชาญ
โครงการแห่งชาติด้านการใช้พลังงานอย่างประหยัดและมีประสิทธิภาพของประเทศเวียดนาม (Vietnam National Energy Efficiency Program หรือ VNEEP) อธิบายว่า การปรับทิศทางลมแอร์ให้พัดลงล่างหรือพัดตรงกับระดับตัว จะทำให้ผู้ใช้รู้สึกเย็นเร็วขึ้นเพียงในบริเวณที่ลมพัดถึงเท่านั้น ซึ่งเป็นการทำความเย็นแบบเฉพาะจุด
แต่ถ้ามองในภาพรวมของห้องหรือบ้าน แอร์จะไม่สามารถทำความเย็นได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพราะต้องใช้เวลาและพลังงานมากขึ้นในการทำความเย็นทั่วทั้งพื้นที่ ยกเว้นเฉพาะบริเวณที่ลมพัดถึงเท่านั้น ส่วนจุดอื่น ๆ จะต้องใช้เวลานานกว่าจะรู้สึกเย็น ส่งผลให้สิ้นเปลืองไฟฟ้ามากขึ้นโดยไม่จำเป็น
“นี่เป็นไปตามหลักการขยายตัวของอากาศโดยพื้นฐาน คือ อากาศร้อนจะเบากว่าและลอยตัวขึ้นสูง ในขณะที่อากาศเย็นจะหนักกว่าและมักจะตกลงสู่ด้านล่าง ดังนั้น การปรับทิศทางลมให้พัดลงต่ำจะทำให้เครื่องปรับอากาศต้องใช้เวลานานขึ้นในการทำความเย็นทั่วทั้งพื้นที่” ผู้เชี่ยวชาญจาก VNEEP อธิบาย
นอกจากนี้ การปล่อยให้ลมเย็นจากเครื่องปรับอากาศพัดตรงเข้าร่างกายอย่างต่อเนื่อง อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ เช่น ทำให้เกิดอาการจาม น้ำมูกไหล ปวดศีรษะ เวียนหัว เป็นต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำ
ด้วยเหตุนี้ ผู้ใช้ควรปรับทิศทางลมให้พัดขึ้นด้านบน โดยไม่จำเป็นต้องสูงเกินไป แต่ให้อยู่ในระดับที่พอเหมาะ การทำเช่นนี้จะช่วยให้ลมเย็นกระจายอย่างสม่ำเสมอทั่วทั้งพื้นที่ เพิ่มประสิทธิภาพในการทำความเย็น ลดเวลาในการเย็น และทำให้ห้องเย็นได้อย่างเต็มที่มากขึ้น
จะกล่าวได้ว่า การปรับทิศทางลมจากเครื่องปรับอากาศให้เหมาะสม ไม่เพียงช่วยให้พื้นที่ใช้งานเย็นสบายมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้า และลดค่าใช้จ่ายของผู้ใช้ด้วย
คำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปรับระดับความแรงลมเมื่อใช้เครื่องปรับอากาศ
นอกจากทิศทางลมแล้ว ระดับความแรงลมก็มีบทบาทสำคัญต่อประสิทธิภาพการทำงานของแอร์ และช่วยประหยัดไฟฟ้าได้เช่นกัน โดยทั่วไปเครื่องปรับอากาศจะมีระดับความแรงลมตั้งแต่ 3-4 ระดับ ไล่ตั้งแต่เบาไปจนถึงแรง โดยจะมีสัญลักษณ์บนรีโมตคือ “Fan” หรือ “Fan Speed” ผู้ใช้สามารถปรับตามความต้องการส่วนตัวได้อย่างเหมาะสม
ผู้เชี่ยวชาญ ฟาน มินห์ วัน รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายคุณภาพและบริการของ Casper ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า แนะนำว่า เพื่อให้ได้ทั้งความเย็นที่มีประสิทธิภาพและการประหยัดไฟ ผู้ใช้สามารถปฏิบัติตามวิธีดังนี้
นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญยังแนะนำว่า ผู้ใช้สามารถเลือกใช้โหมด Auto (โหมดอัตโนมัติ) ที่มีอยู่ในเครื่องปรับอากาศ ซึ่งเครื่องจะปรับความแรงของลมให้เหมาะสมกับอุณหภูมิในห้อง ณ ขณะนั้น หรือเลือกใช้เครื่องปรับอากาศที่มีฟังก์ชันพัดลมหมุนได้หลายทิศทาง ช่วยกระจายลมเย็นอย่างทั่วถึงในทุกมุมของพื้นที่