.jpg)
หมอเผยผลวิจัย ย้อมผมบ่อยๆ เสี่ยงมะเร็งจริงไหม? พบ "คนอาชีพนี้" เสี่ยงพุ่ง 2 เท่า
ย้อมผมเสี่ยงมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ จริงหรือไม่? แพทย์เผยผลวิจัยจากผู้ร่วมทดลองกว่า 600,000 คน พบ “คนกลุ่มนี้” เสี่ยงสูงกว่าปกติถึง 2 เท่า
นายแพทย์หลิว ป๋อเหริน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการและเวชศาสตร์ฟื้นฟูจากไต้หวัน ว่า ขณะตรวจรักษาผู้ป่วย เขาได้พบกับอดีตครูหญิงวัยเกษียณ อายุ 65 ปี ซึ่งกลับมาตรวจหลังพบว่ามะเร็งกระเพาะปัสสาวะกลับมาอีกครั้ง โดยเธอกังวลใจและเล่าว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมาเธอย้อมผมทุก 2-3 เดือน ก่อนจะถามอย่างไม่สบายใจว่า “ฉันเป็นมะเร็งเพราะย้อมผมหรือเปล่า?”
แพทย์หลิวอธิบายว่า ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานชัดเจนที่บ่งชี้ความเกี่ยวข้องโดยตรงระหว่างการย้อมผมกับมะเร็ง อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับการย้อมผมเป็นประจำควรระมัดระวังเป็นพิเศษ
นายแพทย์หลิว ป๋อเหริน โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กว่า แม้หลายคนกังวลว่าการย้อมผมอาจทำให้เป็นมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ แต่จากผลวิจัยในปัจจุบันยังไม่พบความเชื่อมโยงที่ชัดเจน โดยผลการวิเคราะห์แบบองค์รวมซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Annals of Epidemiology เมื่อปี 2014 ได้รวบรวมข้อมูลจาก 17 งานวิจัยทั่วโลก ครอบคลุมผู้เข้าร่วมกว่า 600,000 คน
พบว่าในประชาชนทั่วไป การใช้ผลิตภัณฑ์ย้อมผมไม่มีความสัมพันธ์ชัดเจนกับความเสี่ยงต่อมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ แม้แต่ในกลุ่มที่ใช้ผลิตภัณฑ์ย้อมผมสีเข้มก็พบว่ามีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเล็กน้อย (ค่าความเสี่ยงสัมพัทธ์อยู่ที่ 1.29) แต่ก็ยังไม่ถึงระดับที่ถือว่ามีความสำคัญทางสถิติ
อย่างไรก็ตาม นายแพทย์หลิว ป๋อเหริน ได้เน้นย้ำว่า ปัจจัยเสี่ยงหลักที่ทำให้เกิดมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ ยังคงได้แก่ การสูบบุหรี่ การสวนปัสสาวะเป็นเวลานาน การอักเสบเรื้อรังของกระเพาะปัสสาวะ การได้รับรังสีรักษา การใช้ยาบางชนิด (เช่น ไซโคลฟอสฟาไมด์) รวมถึง “การสัมผัสสารเคมีจากอาชีพ” ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่ไม่ควรมองข้าม
นายแพทย์หลิว ป๋อเหริน ยกตัวอย่างว่า ผู้ที่ทำงานในร้านเสริมสวย อุตสาหกรรมย้อมผม การฟอกหนัง หรือโรงงานเคมี หากต้องสัมผัสสารเคมีจากน้ำยาย้อมผมเป็นเวลานาน แม้ในปริมาณไม่มาก แต่หากไม่มีการป้องกันที่เพียงพอ ก็อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งกระเพาะปัสสาวะจากการสะสมของสารเคมีในระยะยาวได้
นอกจากนี้ ผลการทบทวนอย่างเป็นระบบซึ่งตีพิมพ์ในปี 2024 ในวารสาร Romanian Journal of Occupational Medicine ยังระบุว่า ช่างทำผมและช่างตัดผมอาจมีความเสี่ยงเป็นมะเร็งกระเพาะปัสสาวะสูงกว่ากลุ่มอาชีพอื่นประมาณ 1.3 ถึง 2 เท่า โดยเฉพาะหากไม่ได้ป้องกันมือหรือทางเดินหายใจ ความเสี่ยงจะยิ่งเพิ่มขึ้นไปอีก
นอกจากนี้ น้ำยาย้อมผมรุ่นเก่าบางชนิดยังอาจมีสารอะโรเมติกแอมีน เช่น 4-aminobiphenyl และเบนซิดีน ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มสารก่อมะเร็งชนิดร้ายแรงระดับที่ 1 ตามการจัดประเภทขององค์กรนานาชาติอีกด้วย
ดังนั้น นายแพทย์หลิว ป๋อเหริน จึงแนะนำให้ผู้ประกอบอาชีพช่างทำผมสวมถุงมือทุกครั้งขณะผสมน้ำยาย้อมผม รวมถึงควรทำงานในพื้นที่ที่มีการระบายอากาศดี หลีกเลี่ยงการให้สารเคมีสัมผัสผิวหนังเป็นเวลานาน และควรตรวจสุขภาพเป็นประจำ โดยเฉพาะการสังเกตความผิดปกติของระบบทางเดินปัสสาวะ เช่น ปัสสาวะเป็นเลือด หรือปัสสาวะบ่อยผิดปกติ
สำหรับประชาชนทั่วไป แม้ความเสี่ยงจากการย้อมผมจะอยู่ในระดับต่ำ แต่ก็สามารถเสริมการขับสารพิษในร่างกายผ่านพฤติกรรมการกินได้ นายแพทย์หลิว ป๋อเหริน แนะนำให้รับประทานผักตระกูลกะหล่ำ เช่น บรอกโคลี กะหล่ำปลี คะน้า ผักกวางตุ้ง และร็อกเก็ต (ผักรสเผ็ดคล้ายวาซาบิ) ซึ่งมีส่วนช่วยกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ขับสารพิษระยะที่ 2 ของตับ ช่วยกำจัดสารก่อมะเร็งและสารพิษจากสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ งานวิจัยยังพบว่า การรับประทานผักกลุ่มนี้เป็นประจำหลายครั้งต่อสัปดาห์ ช่วยลดความเสี่ยงในการอักเสบและการเกิดมะเร็งในทางเดินปัสสาวะและตับได้อีกด้วย
สุดท้าย นายแพทย์หลิว ป๋อเหรินยังเตือนว่า แม้การย้อมผมเป็นครั้งคราวจะไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงมากนัก แต่หากย้อมบ่อยเกินไปก็อาจมีข้อกังวลตามมาได้ แนะนำให้ดื่มน้ำมากขึ้นหลังการย้อมผม (อย่างน้อยวันละ 2,000 ซีซี) ออกกำลังกายสม่ำเสมอและขับเหงื่อ เพื่อช่วยให้ร่างกายขับสารพิษได้ดีขึ้น ควบคู่กับการรักษาพฤติกรรมสุขภาพที่ดี ซึ่งถือเป็นหนทางพื้นฐานในการป้องกันมะเร็งอย่างยั่งยืน