เนื้อหาในหมวด ข่าว

พ่อแม่ควรรู้ \

พ่อแม่ควรรู้ "กฎ 5 นิ้วมือ" และ "กฎ กกน." สอนเด็กเล็กป้องกันภัย หนีไกลล่วงละเมิด!

 หมอเตือน! สอนลูกด้วย "กฎ 5 นิ้วมือ  + กฎกางเกงใน" ป้องกันถูกล่วงละเมิด ช่วยเด็กเล็กเอาตัวรอดจากภัยเงียบ

ช่วงหลังมานี้ต้องยอมรับว่า ข่าวความรุนแรงในเด็ก การลักพาตัว หรือแม้แต่การล่วงละเมิดทางเพศ โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กเล็กหรือเด็กอนุบาล เริ่มปรากฏมากขึ้นในสังคม สร้างความวิตกให้กับพ่อแม่ผู้ปกครองทั่วประเทศ

ขณะเดียวกันผู้เชี่ยวชาญก็เตือนว่า เด็กเล็กคือกลุ่มเสี่ยงสูงที่สุด เนื่องจากยังไม่สามารถแยกแยะพฤติกรรมไม่เหมาะสมได้และยังขาดทักษะในการปกป้องตนเอง ดังนั้น การสอนลูกให้รู้จักป้องกันตัวตั้งแต่สิ่งเล็กๆ รอบตัว จึงนับเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง โดยอาจผ่านแนวทางง่ายๆ อย่าง “กฎ 5 นิ้วมือ”

กฎ 5 นิ้วมือ เป็นแนวทางที่ช่วยให้เด็กอนุบาลจดจำและเข้าใจ “ขอบเขตการสัมผัส” ได้ง่ายๆ ผ่านการเปรียบเทียบแต่ละนิ้วมือกับกลุ่มคนใกล้ตัว ดังนี้

  • นิ้วโป้ง – แทนคนใกล้ชิดที่สุด เช่น พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย หรือพี่น้อง เด็กสามารถกอดหรือถูกกอดได้ และเมื่อยังเล็กอาจให้พ่อแม่ช่วยอาบน้ำได้ แต่เมื่อโตขึ้น ต้องฝึกอาบน้ำและแต่งตัวเองในที่ส่วนตัว
  • นิ้วชี้ – แทนครู เพื่อน หรือญาติห่างๆ เด็กสามารถจับมือ หรือเล่นด้วยกันได้ แต่หากใครแตะต้อง “บริเวณส่วนตัว” เด็กต้องรู้จักร้องเสียงดังและรีบแจ้งพ่อแม่ทันที
  • นิ้วกลาง – แทนเพื่อนบ้าน หรือคนรู้จักที่ไม่ค่อยสนิท เด็กควรจำกัดการสัมผัสแค่เพียงจับมือ หรือทักทายด้วยรอยยิ้มเท่านั้น
  • นิ้วนาง – แทนคนแปลกหน้าที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก เช่น แขกของพ่อแม่ ควรแค่ยิ้มหรือโบกมือทักทาย
  • นิ้วก้อย – นิ้วที่อยู่ไกลที่สุด แทนคนแปลกหน้าโดยสมบูรณ์ หรือคนที่มีพฤติกรรมแปลกๆ ทำให้เด็กไม่สบายใจ สอนเขาว่ามีสิทธิ์ “วิ่งหนี–ร้องขอความช่วยเหลือ” ได้ทันที

เสริมด้วย “กฎกางเกงใน” ป้องกันถูกล่วงละเมิดทางเพศ

นอกจากกฎ 5 นิ้วมือแล้ว พ่อแม่ควรสอนลูกเรื่อง “กฎกางเกงใน” (The Underwear Rule) ซึ่งช่วยป้องกันการล่วงละเมิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเริ่มฝึกลูกใส่กางเกงในตั้งแต่อายุ 3 ขวบ และสอนว่า

บริเวณใต้กางเกงในคือ “พื้นที่ส่วนตัว” ไม่มีใครควรแตะต้องจุดนั้น หากไม่ได้รับอนุญาตจากเด็ก และสามารถพูดคำว่า “ไม่” ได้กับทุกคน หากรู้สึกไม่สบายใจ

สิ่งสำคัญคือสอนให้เด็กรู้จัก “สิทธิในร่างกายของตนเอง” โดยพ่อแม่ควรพูดกับลูกเสมอว่า ร่างกายของลูกเป็นของลูกเองไม่มีใครมีสิทธิ์ทำอะไรกับร่างกายลูกถ้าลูกไม่ยินยอม สอนให้กล้าพูดว่า “ไม่” กับการสัมผัสที่ไม่สบายใจ

รวมถึงสอนให้แยกแยะ “ความลับดี” กับ “ความลับไม่ดี” เช่น ความลับเกี่ยวกับของขวัญวันเกิดถือเป็นเรื่องดี แต่ถ้ามีใครพูดว่า “อย่าบอกใครนะ เป็นความลับของเราสองคน” และทำให้เด็กรู้สึกกลัว เครียด หรือไม่ปลอดภัย แบบนี้ต้องรีบเล่าให้ผู้ใหญ่ฟังทันที

การป้องกันการล่วงละเมิดเด็ก ไม่ใช่แค่เรื่องของคำสอนเท่านั้น แต่ยังต้องฝึกให้เด็กมีทักษะพื้นฐานที่ควรรู้ เพื่อป้องกันภัยทางเพศ เช่น กล้าแสดงออก, กล้าปฏิเสธเมื่อไม่พอใจ, กล้าบอกความคิดเห็น และรู้จักวิธีขอความช่วยเหลือ เช่น โทรหาพ่อแม่ ครู หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจ

หากเด็กเติบโตมาพร้อมความมั่นใจในตัวเองและทักษะปกป้องตนเอง จะไม่เพียงแค่ช่วยลดความเสี่ยงจากการล่วงละเมิดทางเพศ แต่ยังช่วยให้พวกเขารับมือกับสถานการณ์เสี่ยงอื่นๆ ได้ เช่น การถูกกลั่นแกล้ง หรือการขู่กรรโชก

เพราะการให้ความรู้และเปิดใจฟังลูก คือเกราะป้องกันชั้นแรกที่สำคัญที่สุด ดังนั้น การสอนลูกเรื่องเพศไม่ใช่เรื่องน่าอาย แต่คือเรื่องจำเป็น เพื่อให้พวกเขาเติบโตอย่างมั่นคงและปลอดภัยในสังคมที่เต็มไปด้วยความเสี่ยง