
ต่อ Wi-Fi นอกบ้าน เสี่ยงถูกมิจฉาชีพ "ดูดเงิน" จริงหรือ? แล้วต้องทำยังไงถึงจะปลอดภัย
ต่อ Wi-Fi ที่ร้านกาแฟ เสี่ยงถูกแฮ็กเกอร์ดักข้อมูลและดูดเงิน จริงหรือ?
หลายคนอาจเคยได้ยินคำเตือนว่า “อย่าต่อ Wi-Fi ฟรี เดี๋ยวโดนดูดเงิน!” แต่ในความเป็นจริง ความเสี่ยงมีอยู่จริงแต่ไม่ได้สูงจนต้องตื่นตระหนก บทความนี้สรุปข้อเท็จจริง พร้อมคำแนะนำให้ใช้งานอย่างปลอดภัย
ความจริงคืออะไร? มีโอกาสถูกแฮ็ก แต่ไม่ใช่ทุกคนจะโดน
- Wi-Fi สาธารณะสามารถถูกแฮ็กได้จริง เช่น การสร้าง Wi-Fi ปลอม (Evil Twin), การดักข้อมูลผ่านเทคนิค Man-in-the-Middle หรือ Packet Sniffing โดยเฉพาะหากผู้ใช้งานกรอกข้อมูลสำคัญบนเว็บไซต์ที่ไม่ใช่ HTTPS
- แต่การถูกแฮ็กเพื่อดูดเงินโดยตรง “เกิดขึ้นได้ยากมาก” เพราะต้องใช้เทคนิคเฉพาะทางและมักพุ่งเป้าไปที่บุคคลระดับเป้าหมายสูง เช่น นักธุรกิจ ไม่ใช่ผู้ใช้งานทั่วไปในร้านกาแฟ
- ข่าวเตือนภัยมักหยิบยกกรณีรุนแรง ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นทั่วไปในชีวิตประจำวัน และสถิติในไทยยังไม่พบกรณี “โดนดูดเงินทันทีจาก Wi-Fi สาธารณะ” อย่างชัดเจน
เหตุผลที่แฮ็กเกอร์ไม่ค่อยล่าเหยื่อผ่าน Wi-Fi ร้านกาแฟ
- ผู้ใช้จำนวนมากหลีกเลี่ยงการทำธุรกรรมออนไลน์ผ่าน Wi-Fi ฟรีอยู่แล้ว
- ข้อมูลที่ดักมาได้ อาจนำไปใช้ประโยชน์ยาก และมีความเสี่ยงต่อการถูกจับสูง
- การใช้เทคนิคหลอกลวง เช่น SMS ฟิชชิ่ง หรือ LINE ปลอม มีโอกาสสำเร็จสูงกว่าและต้นทุนน้อยกว่า
ข้อควรระวังและคำแนะนำเมื่อใช้ Wi-Fi สาธารณะ
ข้อควรระวัง | คำแนะนำ |
---|---|
เชื่อมต่อ Wi-Fi ฟรีโดยไม่ตรวจสอบ | ใช้เฉพาะเครือข่ายที่มีรหัสผ่าน และขอรหัสจากพนักงานโดยตรง |
กรอกข้อมูลสำคัญหรือทำธุรกรรม | หลีกเลี่ยงการทำธุรกรรมการเงิน ควรใช้เน็ตมือถือหรือ VPN |
เข้าเว็บไซต์ที่ไม่ใช่ HTTPS | ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเว็บไซต์ขึ้นต้นด้วย https:// เสมอ |
เปิด Wi-Fi อัตโนมัติ | ปิดฟีเจอร์ “เชื่อมต่ออัตโนมัติ” และ “แชร์ไฟล์” บนอุปกรณ์ |
สรุป
การใช้ Wi-Fi ฟรีในร้านกาแฟมีความเสี่ยงเรื่อง “การถูกดักจับข้อมูล” หากใช้งานโดยไม่ระวัง แต่ความเสี่ยงในการ “ถูกดูดเงินทันที” ยังต่ำมากและมักเกิดขึ้นในกรณีเฉพาะ การใช้งานอย่างมีสติ เช่น หลีกเลี่ยงการทำธุรกรรม หรือใช้ VPN จะช่วยให้ปลอดภัยโดยไม่ต้องหวาดระแวงจนเกินเหตุ