เนื้อหาในหมวด ข่าว

ทำไมต้องถอดรองเท้า-เข็มขัด-นาฬิกา เมื่อผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยที่สนามบิน?

ทำไมต้องถอดรองเท้า-เข็มขัด-นาฬิกา เมื่อผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยที่สนามบิน?

การถอดรองเท้า เข็มขัด นาฬิกา ฯลฯ ก่อนผ่านด่านตรวจความปลอดภัยในสนามบิน เป็นกฎที่ทั้งผู้โดยสารและเจ้าหน้าที่ต้องปฏิบัติ แม้จะสร้างความยุ่งยาก โดยเฉพาะช่วงคนหนาแน่น แต่เหตุผลก็ชัดเจน

ขั้นตอนนี้มีไว้เพื่อป้องกันการรบกวนสัญญาณจากเครื่องตรวจจับโลหะ เนื่องจากสิ่งของอย่างรองเท้า เข็มขัด นาฬิกา หรือแว่นตา มักมีชิ้นส่วนโลหะ เมื่อเดินผ่านประตูตรวจ เครื่องจะปล่อยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าอ่อน ๆ และหากมีโลหะติดตัว เครื่องจะส่งสัญญาณเตือนทั้งเสียงหรือแสง

ถ้าผู้โดยสารพกโลหะมากเกินไป เช่น เข็มขัดหัวใหญ่หรือนาฬิกาสายสเตนเลส เครื่องตรวจจะเตือนทันที ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องตรวจซ้ำด้วยการค้นด้วยมือหรือใช้เครื่องสแกนมือถือ ซึ่งเสียเวลาและเพิ่มความแออัด

นอกจากเรื่องโลหะแล้ว กฎการถอดสิ่งของเหล่านี้ยังเกี่ยวข้องกับเหตุผลด้านความปลอดภัยอื่น ๆ ด้วย

เข็มขัด

ในบางสถานการณ์ที่เข้มงวด หัวเข็มขัดอาจถูกดัดแปลงให้เป็นมีดพกขนาดเล็ก อาวุธซ่อนเร้น หรือแม้กระทั่งซ่อนวัตถุระเบิดได้

แม้ผู้โดยสารส่วนใหญ่จะไม่มีเจตนาร้าย แต่ระบบรักษาความปลอดภัยของสนามบินต้องทำตามมาตรการอย่างเคร่งครัด การให้ถอดเข็มขัดแล้ววางในถาดตรวจ ช่วยให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้ง่ายขึ้นว่าปลอดภัย และทำให้ขั้นตอนผ่านด่านเป็นไปอย่างรวดเร็ว

ก่อนที่บางประเทศจะยกเลิกกฎถอดเข็มขัดเมื่อผ่านเครื่องสแกน เช่น สหรัฐฯ หน่วยงานรักษาความปลอดภัยการขนส่ง (TSA) เคยแนะนำว่า หากไม่อยากถอดเข็มขัด ควรใส่กางเกงวอร์มหรือเสื้อผ้าที่ไม่มีส่วนประกอบโลหะมาแทน

นาฬิกาข้อมือ

นาฬิกาโลหะหรือนาฬิกาอัจฉริยะ (Smartwatch) อาจทำให้เครื่องตรวจจับโลหะส่งสัญญาณเตือนได้ นอกจากนี้ นาฬิกาอัจฉริยะบางรุ่นยังมีส่วนประกอบอย่างแบตเตอรี่ลิเธียม แผงวงจร และเสาอากาศ ซึ่งเป็นชิ้นส่วนที่ระบบรักษาความปลอดภัยขั้นสูง เช่น เครื่องเอกซเรย์ หรือเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด ให้ความสำคัญเป็นพิเศษ

ในอดีต เคยเกิดคดี “แผนโบจิงกา” (Bojinka Plot) ช่วงปี 1995–1996 ที่ฟิลิปปินส์ ซึ่งผู้ก่อการร้ายดัดแปลงนาฬิกา Casio ให้เป็นตัวตั้งเวลาระเบิด ร่วมกับสารระเบิดไนโตรกลีเซอรินและแบตเตอรี่ 9 โวลต์ 2 ก้อน ซ่อนอยู่ใต้หน้าปัดนาฬิกา เพื่อจุดชนวนระเบิดบนเครื่องบิน โชคดีที่แผนถูกจับได้ก่อนลงมือ

เหตุนี้ สนามบินและหน่วยงานความปลอดภัยจึงกังวลว่านาฬิกาข้อมืออาจถูกใช้พรางตัวเป็นตัวจุดระเบิดจากระยะไกล จึงกำหนดให้ถอดและวางไว้ในถาดตรวจทุกครั้งก่อนผ่านด่านความปลอดภัย

รองเท้า

กฎให้ถอดรองเท้าก่อนผ่านด่านความปลอดภัยของสนามบิน เริ่มต้นจากเหตุการณ์เกือบก่อโศกนาฏกรรมในปี 2001 เมื่อ ริชาร์ด รีด ชาวอังกฤษ ขึ้นเครื่องบินของสายการบินอเมริกันแอร์ไลน์ เส้นทางปารีส–ไมอามี โดยซุกซ่อนวัตถุระเบิดชนิด PETN ไว้ในพื้นรองเท้า

เขาพยายามจุดชนวนด้วยการจุดสายชนวนจากไม้ขีดขณะอยู่บนเครื่องบิน โชคดีที่ผู้โดยสารและลูกเรือช่วยกันหยุดยั้งได้ทัน ก่อนที่ระเบิดจะทำงาน เหตุการณ์นี้ทำให้เขาได้รับฉายา “มือระเบิดรองเท้า” (Shoe Bomber)

หลังจากนั้น สนามบินในสหรัฐฯ และหลายประเทศทั่วโลก จึงเริ่มกำหนดให้ผู้โดยสารถอดรองเท้า โดยเฉพาะรองเท้ากีฬา รองเท้าบูต หรือรองเท้าพื้นหนา เพราะอาจซ่อนอาวุธหรือวัตถุระเบิดที่เครื่องเอกซเรย์ตรวจจับได้ยาก

 

กฎใหม่ในสนามบินทั่วโลก

หลังจากใช้มาตรการถอดรองเท้า เข็มขัด นาฬิกา ผ่านด่านความปลอดภัยมาหลายปี กฎเหล่านี้กำลังถูกยกเลิกในหลายประเทศ

ในสหรัฐฯ หน่วยงาน TSA ไม่บังคับให้ผู้โดยสารถอดรองเท้าอีกต่อไป ส่วนในยุโรป สนามบินใหญ่ ๆ อย่างเฮทโธรว์ อังกฤษ, ชาร์ลส์ เดอ โกลล์ ฝรั่งเศส, แฟรงก์เฟิร์ต เยอรมนี ก็ไม่จำเป็นต้องถอดรองเท้าหรือเข็มขัด หากไม่มีสัญญาณเตือนจากเครื่องสแกน

ในเอเชีย สนามบินอินชอน เกาหลีใต้, นาริตะ ญี่ปุ่น และชางงี สิงคโปร์ หากระบบรักษาความปลอดภัยอัตโนมัติไม่พบสัญญาณผิดปกติ ผู้โดยสารสามารถเดินผ่านด้วยรองเท้าและไม่ต้องถอดเครื่องประดับอื่น ๆ

สนามบินหลายแห่งนำระบบตรวจสอบความปลอดภัยรุ่นใหม่มาใช้ เช่น เครื่องเอกซเรย์ CT 3 มิติ ที่ให้ภาพหลายมิติ ช่วยตรวจจับวัตถุต้องสงสัยได้ง่ายขึ้น รวมถึงเครื่องตรวจจับสารระเบิดที่สแกนร่องรอยบนรองเท้าหรือกระเป๋าโดยไม่ต้องถอดออก และระบบ AI วิเคราะห์พฤติกรรมผู้โดยสารเพื่อตรวจจับความเสี่ยงจากท่าทางแทนการพึ่งพาแค่การตรวจจับวัตถุ

มีด้วยเหรอ? ประเทศที่ไม่มีสนามบิน-ไม่ติดทะเล แต่รวยเป็นอันดับ 2 ของโลก อยู่ที่ไหน

มีด้วยเหรอ? ประเทศที่ไม่มีสนามบิน-ไม่ติดทะเล แต่รวยเป็นอันดับ 2 ของโลก อยู่ที่ไหน

รู้จักประเทศที่รวยเป็นอันดับ 2 ของโลก ไม่มีสนามบิน ไม่ติดทะลุ ขนาดพื้นที่ไม่ถึง 160 ตารางกิโลเมตร อยู่ส่วนไหนของโลกใบนี้ ไปดูพร้อมๆ กัน

แม่ร่ำไห้โวยวายกลางสนามบิน กระเป๋าน้ำหนักเกิน 21 กก. ถูกปฏิเสธไม่ให้ขึ้นเครื่อง

แม่ร่ำไห้โวยวายกลางสนามบิน กระเป๋าน้ำหนักเกิน 21 กก. ถูกปฏิเสธไม่ให้ขึ้นเครื่อง

แม่ร่ำไห้โวยวายกลางสนามบิน ถึงกับคุกเข่าอ้อนวอนเจ้าหน้าที่ หลังกระเป๋าน้ำหนักเกิน 21 กก. ถูกปฏิเสธไม่ให้ขึ้นเครื่อง

เข็ดจนตาย! ครอบครัวจีนยัดทุเรียน 5.5 กก. ใน 30 นาที ก่อนขึ้นเครื่องที่เชียงใหม่ (มีคลิป)

เข็ดจนตาย! ครอบครัวจีนยัดทุเรียน 5.5 กก. ใน 30 นาที ก่อนขึ้นเครื่องที่เชียงใหม่ (มีคลิป)

ครอบครัวจีนซื้อทุเรียนในไทย แต่เอาขึ้นเครื่องไม่ได้ ยืนกินหน้าสนามบินเชียงใหม่ 5.5 กิโลกรัม หมดภายใน 30 นาที

\

"พีท ทองเจือ" ส่งลูกสาว "น้องมิย่า" ที่สนามบิน เบื้องหน้ารอยยิ้มแต่คลิปเบื้องหลังมีน้ำตา

"พีท ทองเจือ" ส่งลูกสาว "น้องมิย่า" ที่สนามบินเตรียมบินไปเรียนฝรั่งเศส เบื้องหน้ารอยยิ้มแต่คลิปเบื้องหลังมีน้ำตาของแม่