"นามสกุล" ที่คนไทยห้ามตั้ง ถ้าไม่ได้รับอนุญาต หรือไม่ได้สืบเชื้อสายมา ถือว่าผิดกฎหมาย!
นามสกุลแบบไหนที่คนไทยห้ามตั้ง ถ้าไม่ได้รับอนุญาต
การตั้งนามสกุลในประเทศไทยไม่ได้ทำได้ตามใจชอบเสมอไป มีกฎหมายและระเบียบจากกรมการปกครองที่กำหนดเงื่อนไขและข้อห้ามบางประการ เพื่อป้องกันการแอบอ้าง รักษาเกียรติยศของบุคคลและสถาบัน รวมทั้งรักษาความเป็นระเบียบของทะเบียนราษฎร์ บทความนี้สรุปประเภทนามสกุลที่ห้ามตั้งหรือห้ามใช้ หากไม่ได้รับอนุญาตอย่างชัดเจน พร้อมคำอธิบายและตัวอย่างที่คนทั่วไปมักสงสัย
หลักเกณฑ์โดยย่อ — ทำไมต้องมีกฎ?
หลักการสำคัญคือชื่อหรือนามสกุลต้องไม่ก่อให้เกิดความสับสน แอบอ้างสถานะ หรือกระทบต่อศักดิ์ศรีของสถาบันสำคัญ เช่น สถาบันพระมหากษัตริย์หรือราชวงศ์ กรมการปกครองจึงมีข้อห้ามที่ชัดเจนสำหรับการตั้งชื่อและนามสกุลใหม่ตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
1) ห้ามตั้งนามสกุลที่พ้องกับ “พระปรมาภิไธย / พระนามาภิไธย”
ห้ามใช้นามสกุลที่เหมือนหรือพ้องกับพระปรมาภิไธยของพระมหากษัตริย์ พระนามาภิไธยของพระราชินี หรือศัพท์ที่เป็นราชทินนาม เพราะอาจก่อให้เกิดการแอบอ้างหรือเสียหายต่อศักดิ์ศรีของสถาบัน หากต้องการใช้ต้องมีสิทธิ์ตามกฎหมายหรือได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการเท่านั้น
2) ห้ามตั้งนามสกุลที่เป็น “ราชสกุล” หากไม่ใช่ผู้สืบเชื้อสาย
ราชสกุลคือสกุลที่สืบเชื้อสายจากพระมหากษัตริย์หรือมีสถานะพิเศษตามราชประเพณี ตัวอย่างเช่น บางนามสกุลที่มีประวัติการสืบสายเช่น จักรพงษ์, จุฑาธุช หรือมหิดล จะสงวนไว้สำหรับผู้ที่มีสิทธิ์ตามเชื้อสายเท่านั้น บุคคลทั่วไปไม่สามารถขอใช้ได้เพียงเพราะชอบชื่อนั้น
3) นามสกุลพระราชทาน — ห้ามใช้นอกวงศ์ตระกูลผู้ได้รับพระราชทาน
นามสกุลที่ได้รับพระราชทานถือเป็นสิทธิเฉพาะของตระกูลนั้น ๆ การนำไปใช้โดยบุคคลภายนอกที่ไม่ได้สืบเชื้อสายหรือได้รับอนุญาต จะถือเป็นการแอบอ้างและขัดต่อกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง หากสงสัยควรติดต่อหน่วยงานทะเบียนเพื่อสอบถามกรณีเฉพาะ
4) นามสกุลที่มีคำขึ้นต้นว่า “ณ” (เช่น ณ อยุธยา / ณ นคร) ใช้อย่างไร และใครใช้ได้?
นามสกุลที่เริ่มด้วยคำว่า “ณ” ตามด้วยชื่อเมือง มักเป็นกลุ่มนามสกุลพระราชทานหรือแสดงการสืบเชื้อสายจากเจ้านายในพื้นที่เดิม เช่น ณ อยุธยา, ณ เชียงใหม่, ณ ลำปาง เป็นต้น กลุ่มนามสกุลเหล่านี้มีเงื่อนไขการใช้เฉพาะเจาะจง — โดยรวมแล้ว บุคคลทั่วไปไม่สามารถขอตั้งนามสกุลที่ขึ้นต้นด้วย “ณ” ตามด้วยชื่อเมืองได้ หากไม่ได้สืบเชื้อสายหรือไม่ได้รับพระราชทาน
กรณีพิเศษ: “สร้อย ณ อยุธยา”
คำว่า “ณ อยุธยา” ในบางกรณีเป็น “สร้อย” ที่ต่อท้ายชื่อสกุลของผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับราชวงศ์ (เช่น บางตำแหน่งของราชนิกุล) การใช้สร้อยลักษณะนี้มีข้อจำกัดทางกฎหมายและประเพณีชัดเจน — หากไม่เข้าเงื่อนไขก็ไม่สามารถนำมาใช้ได้
5) ข้อจำกัดอื่น ๆ ที่ควรรู้
- ไม่สามารถตั้งนามสกุลซ้ำกับบุคคลที่มีชื่อเสียงหรือสาธารณะจนเป็นเหตุให้เกิดความสับสนได้ (ในบางกรณีต้องมีการตรวจสอบจากหน่วยงานทะเบียน)
- คำที่มีความหมายหยาบคาย หรือมีอักขระเกินเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด อาจถูกปฏิเสธตามหลักเกณฑ์การจดทะเบียนชื่อบุคคล
- หากต้องการเปลี่ยนหรือขอตั้งนามสกุลใหม่ ควรติดต่อสำนักงานทะเบียนท้องถิ่นหรือกรมการปกครองเพื่อสอบถามเงื่อนไขและเอกสารที่ต้องใช้
ข้อจำกัดและหลักเกณฑ์เหล่านี้มีผลทั้งเพื่อปกป้องสิทธิ์ของผู้มีเชื้อสายจริง และป้องกันการแอบอ้างที่อาจก่อปัญหาทางสังคมหรือทางกฎหมายได้
คำถามยอดฮิต — Q&A สั้น ๆ
- ถาม: ถ้าชอบนามสกุลที่เป็นราชสกุล สามารถใช้ได้ไหม?
ตอบ: ไม่สามารถใช้ได้หากคุณไม่ได้สืบเชื้อสายหรือไม่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง - ถาม: หากต้องการนามสกุลใหม่ ต้องติดต่อที่ไหน?
ตอบ: ติดต่อส่วนทะเบียนชื่อบุคคล สำนักบริหารการทะเบียน หรือสำนักงานทะเบียนท้องถิ่น (กรมการปกครอง) เพื่อเช็กหลักเกณฑ์และขอคำแนะนำเพิ่มเติม - ถาม: นามสกุลที่มีคำว่า “ณ” ทุกรายกรณีห้ามหรือไม่?
ตอบ: ไม่ใช่ทั้งหมด — แต่หากเป็นรูปแบบที่สอดคล้องกับนามสกุลพระราชทานหรือราชสกุล จะสงวนไว้สำหรับผู้มีสิทธิ์เท่านั้น และบุคคลทั่วไปไม่สามารถขอจดใช้อย่างเสรีได้
ถ้าต้องการตรวจสอบกรณีของตัวเอง — ทำอย่างไร
ถ้าคุณกำลังพิจารณาจะเปลี่ยนนามสกุล หรือสงสัยว่านามสกุลที่ชื่นชอบอาจขัดต่อข้อห้าม ควรติดต่อหน่วยงานทะเบียนโดยตรง (โทร. 1548 หรือสำนักงานทะเบียนท้องถิ่น) เพื่อขอคำชี้แจงอย่างเป็นทางการ และป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
สรุป
สิ่งที่สรุปได้คือ นามสกุลที่ห้ามตั้งหรือห้ามใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ได้แก่ นามสกุลที่พ้องหรือคล้ายกับพระปรมาภิไธย/พระนามาภิไธย ราชทินนาม ราชสกุล และนามสกุลพระราชทาน รวมถึงกรณีพิเศษที่ใช้คำว่า “ณ” ตามด้วยชื่อเมือง ซึ่งส่วนใหญ่สงวนไว้สำหรับผู้ที่มีสิทธิ์ตามสายสกุลหรือได้รับพระราชทาน การตั้งชื่อและนามสกุลจึงควรทำโดยคำนึงทั้งสิทธิส่วนบุคคลและความเหมาะสมตามกฎหมายไทย