
5 ผลไม้ "ต้องเลี่ยง" ถ้าไม่อยากปวดข้อเกาต์ เคลียร์ชัด องุ่นกินได้ไหม?
จริงหรือไม่? “องุ่น” เป็นตัวกระตุ้นโรคเกาต์ เตือน 5 ผลไม้ที่ผู้ป่วยควรเลี่ยงจริงๆ
มีคำถามที่ทำให้ผู้ป่วยโรคเกาต์หลายคนเริ่มลังเลใจว่า “องุ่นเป็นตัวกระตุ้นโรคเกาต์” จริงหรือไม่?
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จำนวนผู้ป่วยโรคเกาต์เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคนี้ก็หลากหลายตามไปด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับอาหารและผลไม้ที่เชื่อมโยงกับโรคเกาต์อยู่มาก
องุ่น ไม่ใช่ตัวการกระตุ้นโรคเกาต์โดยตรง
แม้จะมีความเข้าใจผิดว่า “องุ่น” เป็นผลไม้ที่ทำให้อาการเกาต์แย่ลง แต่ความจริงแล้ว องุ่นมีปริมาณพิวรีนน้อย และยังอุดมไปด้วย ไฟเบอร์, สารต้านอนุมูลอิสระ และ น้ำตาลธรรมชาติ ที่มีประโยชน์ต่อระบบเผาผลาญ
สำหรับผู้ป่วยเกาต์ส่วนใหญ่ การรับประทานองุ่นในปริมาณที่เหมาะสมถือว่าปลอดภัย แต่ถ้าหาก มีระดับกรดยูริกในเลือดสูงอยู่แล้ว ก็ควรระวังการบริโภคให้พอดี เพราะน้ำตาลจากผลไม้ หากมากเกินไป ก็อาจรบกวนการควบคุมระดับยูริกได้
5 ผลไม้ที่ผู้ป่วยโรคเกาต์ควรหลีกเลี่ยง
แม้ว่าองุ่นจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับผู้ป่วยเกาต์ แต่ยังมีผลไม้บางชนิดที่ควร หลีกเลี่ยงหรือจำกัด การรับประทาน เนื่องจากมีส่วนในการเพิ่มระดับกรดยูริกในร่างกาย
1. อ้อย
อ้อยมีปริมาณน้ำตาลสูงมาก แม้จะมีพิวรีนน้อย แต่เมื่อร่างกายรับน้ำตาลมากเกินไป จะกระตุ้นให้เกิดการสร้างกรดยูริกเพิ่มขึ้น เสี่ยงต่อการกำเริบของโรคเกาต์ ได้
2. ลิ้นจี่ และ ลำไย
ทั้งลิ้นจี่และลำไยเป็นผลไม้ที่ มีน้ำตาลและฟรุกโตสสูง ซึ่งฟรุกโตสเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ระดับกรดยูริกในเลือดเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในผู้ที่มีปัญหาเรื่อง ระดับน้ำตาลในเลือด หรือ ภาวะดื้อต่ออินซูลิน
3. มะม่วง
มะม่วงอุดมไปด้วยวิตามิน แต่ก็มี น้ำตาลในปริมาณสูง เช่นกัน หากรับประทานมากเกินไป โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน อาจทำให้ระบบเมตาบอลิซึมของพิวรีนในร่างกายทำงานหนักขึ้น และส่งผลให้ระดับกรดยูริกเพิ่มขึ้นได้
4. ทุเรียน
ทุเรียนคือราชาแห่งผลไม้ แต่ก็เป็นผลไม้ที่มี ไขมันและน้ำตาลสูง แม้พิวรีนจะไม่มากนัก แต่การรับประทานทุเรียนในปริมาณมาก สามารถ เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคเกาต์ ได้
ทำไมผู้ป่วยโรคเกาต์ต้องใส่ใจเรื่องอาหาร?
โรคเกาต์เกิดจากการสะสมของกรดยูริกในร่างกาย ซึ่งเป็นผลจากการสลายพิวรีน หากกรดยูริกในเลือดสูงเกินไป ร่างกายจะขับออกได้ไม่หมด ส่งผลให้ตกผลึกสะสมตามข้อ ทำให้เกิดอาการปวด บวม แดง ร้อน
โดยเฉพาะที่บริเวณ หัวแม่เท้า และ หัวเข่า ซึ่งเป็นจุดที่พบบ่อยที่สุด
ผลไม้ที่ผู้ป่วยโรคเกาต์กินได้
ไม่ใช่ผลไม้ทุกชนิดที่ต้องระวัง ผู้ป่วยเกาต์สามารถเลือกผลไม้ที่มีน้ำตาลต่ำ และพิวรีนน้อย เช่น
ผลไม้เหล่านี้มีสารต้านการอักเสบ ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดอาการปวดเกาต์ และยังช่วยปรับสมดุลของระดับกรดยูริกได้ดี
คำแนะนำเพิ่มเติมสำหรับผู้ป่วยเกาต์
นอกจากเรื่องผลไม้แล้ว ผู้ป่วยเกาต์ยังควรระมัดระวังเรื่องอาหารโดยรวม เช่น
- หลีกเลี่ยงเครื่องในสัตว์, เนื้อแดง, อาหารทะเล
- ลดการดื่มแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะเบียร์
- ควบคุมอาหารที่มีไขมันและน้ำตาลสูง
นอกจากนี้ ควร ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อช่วยขับกรดยูริกออกทางปัสสาวะ และ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเสริมสร้างระบบเผาผลาญ
- ผลไม้ราคาถูก "กวาด" ไขมันในเลือดดีเยี่ยม ญี่ปุ่นยกเป็น "โสมเขียว" ไทยมีตามตลาดทั่วไป!
- เลี่ยงได้เลี่ยง! 4 มื้อเช้าที่ “ชวนป่วย” บำรุงเซลล์มะเร็งแบบเงียบๆ หลายคนกินไม่รู้ตัว
องุ่นไม่ใช่ตัวการโดยตรงในการกระตุ้นโรคเกาต์ และสามารถรับประทานได้ในปริมาณที่พอเหมาะ แต่ผลไม้บางชนิด เช่น อ้อย, ลิ้นจี่, ลำไย, มะม่วง และทุเรียน ควรหลีกเลี่ยงหรือรับประทานให้น้อยที่สุด
การเลือกผลไม้ที่เหมาะสมและควบคุมปริมาณอาหารให้พอดี เป็นกุญแจสำคัญในการควบคุมโรคเกาต์และลดความเสี่ยงในการเกิดอาการกำเริบ
บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อเผยแพร่ความรู้สุขภาพเบื้องต้น ไม่ใช่คำแนะนำทางการแพทย์ หากมีอาการผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง