ทารก กินอย่างอื่นนอกจากนมได้เมื่อไหร่? "4 อาหารไทย" ที่ควรทำให้ลูกกินเป็นมื้อแรก
เด็กเริ่มกินอาหารได้ตอนไหน? เปิดตำรับ "อาหารมื้อแรก" ฉบับไทยๆ ที่คุณแม่ต้องรู้
การเริ่มต้นให้อาหารเสริมหรือ อาหารมื้อแรกของทารก ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของพัฒนาการลูกน้อยที่คุณพ่อคุณแม่ต่างให้ความใส่ใจเป็นพิเศษ เพราะเป็นช่วงเวลาที่ลูกจะได้เรียนรู้รสชาติและเนื้อสัมผัสใหม่ๆ นอกเหนือไปจากนมแม่ อย่างไรก็ตาม การเริ่มต้นเร็วเกินไปหรือช้าเกินไปอาจส่งผลต่อสุขภาพของทารกได้ คำถามสำคัญจึงอยู่ที่ว่า “เมื่อไหร่คือเวลาที่เหมาะสม” และควรจะเริ่มต้นด้วยเมนูอะไรดี
ลูกน้อยพร้อมสำหรับมื้อแรกเมื่อไหร่?
โดยทั่วไปแล้ว องค์การอนามัยโลก (WHO) และกุมารแพทย์ส่วนใหญ่แนะนำให้เริ่มอาหารเสริมตามวัยเมื่อทารกมีอายุประมาณ 6 เดือน ควบคู่ไปกับการให้นมแม่ แต่ตัวเลขอายุเพียงอย่างเดียวอาจไม่พอ คุณพ่อคุณแม่ควรสังเกต “สัญญาณความพร้อม” ของลูกน้อยร่วมด้วย ซึ่งเป็นสิ่งบ่งชี้ว่าร่างกายของเขาสามารถจัดการกับอาหารอื่นนอกจากนมได้แล้ว
สัญญาณที่บ่งบอกว่าลูกพร้อมแล้ว
- ชันคอได้มั่นคง: ลูกสามารถควบคุมกล้ามเนื้อคอและศีรษะได้ดี นั่งนิ่งๆ โดยที่คอไม่ตกหรือเอียงไปมา
- นั่งได้โดยมีคนช่วยประคอง: สามารถนั่งบนเก้าอี้สำหรับเด็กได้มั่นคง ซึ่งเป็นท่าทางที่ปลอดภัยในการรับประทานอาหาร
- แสดงความสนใจในอาหาร: ลูกน้อยเริ่มมองอาหารที่คนอื่นกิน ทำปากเคี้ยวตาม หรือพยายามเอื้อมมือคว้าอาหาร
- สิ้นสุดปฏิกิริยาสะท้อนกลับ: ทารกแรกเกิดจะมีปฏิกิริยาดันลิ้นโดยอัตโนมัติ (Tongue-thrust reflex) เมื่อมีของแข็งเข้าปาก สัญญาณความพร้อมคือเมื่อปฏิกิริยานี้หายไป ทำให้ลูกสามารถใช้ลิ้นตวัดอาหารเข้าปากและกลืนได้แทนที่จะดันออกมา
แนะนำอาหารมื้อแรกฉบับไทยๆ ที่ดีต่อลูกน้อย
ในช่วงเริ่มต้น ควรให้อาหารทีละอย่าง โดยเว้นระยะห่าง 3-5 วันก่อนเริ่มอาหารชนิดใหม่ เพื่อสังเกตอาการแพ้ที่อาจเกิดขึ้นได้ และควรเป็นอาหารที่บดละเอียด เนื้อเนียนนุ่ม ไม่ปรุงรสชาติใดๆ ทั้งสิ้น สำหรับเมนูไทยๆ ที่หาได้ง่ายและมีคุณค่าทางโภชนาการสูง เหมาะสำหรับเป็น อาหารมื้อแรกของทารก มีดังนี้
ของดีจากธรรมชาติที่หาได้ง่าย
- กล้วยน้ำว้าสุกบด: ถือเป็นเมนูยอดนิยมอันดับต้นๆ เพราะมีรสหวานอ่อนๆ ตามธรรมชาติ เนื้อสัมผัสนุ่ม บดง่าย และอุดมไปด้วยโพแทสเซียมและพลังงาน ควรเลือกกล้วยที่สุกงอมเพื่อให้ย่อยง่ายที่สุด
- ฟักทองนึ่งบด: เป็นแหล่งวิตามินเอชั้นดีที่ช่วยบำรุงสายตา มีใยอาหารสูง ช่วยในเรื่องระบบขับถ่าย เนื้อสัมผัสหลังนึ่งจะมีความเนียนละเอียดและมีรสหวานอร่อย
- ข้าวบดละเอียด: เริ่มต้นจากการนำข้าวสวยมาบดกับน้ำต้มสุกหรือน้ำซุปกระดูก (ที่ไม่ปรุงรส) ให้มีความเหลวพอดี อาจผสมกับนมแม่เล็กน้อยเพื่อเพิ่มความคุ้นเคยในรสชาติ
- ตำลึงบด: เป็นผักใบเขียวที่หาได้ง่าย มีธาตุเหล็กและวิตามินสูง นำไปต้มหรือนึ่งจนเปื่อยนุ่มแล้วนำมาบดให้ละเอียด เหมาะสำหรับผสมกับข้าวบดเพื่อเพิ่มคุณค่าทางอาหาร
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงสำหรับทารกต่ำกว่า 1 ปี
ความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญที่สุด มีอาหารบางชนิดที่ไม่เหมาะกับระบบย่อยอาหารและร่างกายของทารกที่ยังพัฒนาไม่เต็มที่ อาหารที่คุณพ่อคุณแม่ควรหลีกเลี่ยงโดยเด็ดขาดสำหรับลูกน้อยวัยต่ำกว่า 1 ขวบ ได้แก่
- น้ำผึ้ง: อาจมีสปอร์ของแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรคโบทูลิซึมในทารก ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิต
- นมวัว (ในรูปแบบเครื่องดื่ม): ระบบย่อยของทารกยังไม่พร้อมสำหรับโปรตีนในนมวัว และอาจส่งผลต่อการดูดซึมธาตุเหล็กได้
- อาหารปรุงรส: ไม่ควรเติมน้ำตาล เกลือ หรือเครื่องปรุงรสใดๆ ลงในอาหารของทารก เพราะไตของพวกเขายังทำงานได้ไม่เต็มที่
- ถั่วหรืออาหารชิ้นแข็ง: เสี่ยงต่อการสำลักและติดคอ ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีลักษณะเป็นเม็ดเล็กและแข็ง
โดยสรุป การเริ่มต้น อาหารมื้อแรกของทารก ควรเริ่มเมื่ออายุประมาณ 6 เดือนและเมื่อลูกแสดงสัญญาณความพร้อมทางร่างกาย ควรเริ่มจากอาหารบดละเอียดทีละชนิด ไม่ปรุงรส และเลือกวัตถุดิบที่สดใหม่และมีคุณค่าทางโภชนาการสูง ซึ่งเมนูง่ายๆ แบบไทยๆ อย่างกล้วย ฟักทอง หรือข้าวบด ก็เป็นตัวเลือกที่ดีเยี่ยมในการเริ่มต้นเส้นทางการกินของเจ้าตัวเล็ก