เนื้อหาในหมวด ข่าว

ทั้งห้องมีแต่ลูกคุณตอบผิด! ผปค.ถึงกับไม่พอใจ แต่ฟังเฉลยจากครูแล้วหน้าชา

ทั้งห้องมีแต่ลูกคุณตอบผิด! ผปค.ถึงกับไม่พอใจ แต่ฟังเฉลยจากครูแล้วหน้าชา

“ทั้งห้องมีแต่ลูกคุณที่ทำโจทย์ข้อนี้ผิด” ผู้ปกครองถึงกับไม่พอใจ แต่พอได้ฟังเหตุผลจากคุณครูก็หน้าแตกทันที!

เมื่ออ่านโจทย์คณิตศาสตร์ลักษณะนี้เป็นครั้งแรก หลายคนอาจเผลอตอบผิดได้ โดยเฉพาะผู้ปกครองที่มีระดับการศึกษาสูง ซึ่งมักมั่นใจว่าความรู้เดิมของตนเพียงพอในการช่วยลูกทำการบ้านระดับประถมศึกษา

อย่างไรก็ตาม งานวิจัยและแนวโน้มการเรียนการสอนในปัจจุบันชี้ว่า คณิตศาสตร์ในระดับประถมมิได้เน้นเพียงการหาคำตอบที่ถูกต้อง แต่มุ่งพัฒนาทักษะการคิดเชิงคณิตศาสตร์ ผ่านโจทย์ที่เชื่อมโยงกับสถานการณ์จริง และให้ความสำคัญกับกระบวนการคิดมากกว่าผลลัพธ์สุดท้าย

ด้วยเหตุนี้ ความมั่นใจใน “ความรู้ที่เคยเรียนมาก่อน” ของผู้ปกครองจึงอาจกลายเป็นอุปสรรค เพราะแนวทางการสอนและการประเมินได้เปลี่ยนไป ผู้ปกครองที่ยึดติดกับวิธีการเดิมจึงมีโอกาสเข้าใจโจทย์ผิด หรือชี้นำลูกอย่างคลาดเคลื่อนได้ง่าย

โจทย์คณิตศาสตร์ระดับประถมที่ดูเหมือนง่าย แต่กลับซ่อนความท้าทายไว้ เมื่อไม่นานมานี้ ผู้ปกครองคนหนึ่งในจีนเจอสถานการณ์ปวดหัวกับลูกวัยประถมศึกษาปีที่ 3

โจทย์ถามว่า “ในห้องมีหลอดไฟ 11 ดวง หากปิดไป 4 ดวง จะเหลือกี่ดวง?” เด็กเขียนคำตอบว่า 11 − 4 = 7 แต่ผลลัพธ์กลับถูกคุณครูกากบาทสีแดง ผู้เป็นแม่เห็นเช่นนั้นจึงงงมาก และมั่นใจว่าคำตอบ 7 ถูกต้องแน่นอน จึงถือโอกาสไปสอบถามคุณครูพร้อมความสงสัยและความไม่พอใจเล็กน้อย

สิ่งที่คุณครูตอบกลับทำให้ผู้เป็นแม่ถึงกับอึ้ง “ทั้งห้องมีแต่ลูกคุณที่ตอบผิดนะครับ” ก่อนจะถามต่อว่า “หลอดไฟลดลงจริงไหมเมื่อปิดไปแล้ว?” คำถามนี้ทำให้แม่ถึงกับสะดุ้งและตระหนัก

เธอจึงเข้าใจว่าข้อสอบนี้ไม่ได้ทดสอบเพียงการลบเลข แต่เน้นการเชื่อมโยงความรู้กับชีวิตประจำวัน เพราะไม่ว่าหลอดไฟจะเปิดหรือปิด จำนวนหลอดไฟทั้งหมดในห้องก็ยังคง 11 ดวง สภาพการเปิดปิดไม่ได้ทำให้จำนวนเปลี่ยนไป

ผู้ปกครองมักมุ่งแต่ไปที่การคำนวณแบบพื้นฐาน จึงมองข้ามความหมายและโจทย์ใหม่ที่ซ่อนอยู่ จนตกเป็น “กับดัก” ที่ผู้ตั้งโจทย์ตั้งใจวางไว้ ความจริงแล้ว การที่ผู้ปกครองตอบผิดข้อสอบประถมเพราะเผลอไม่ใส่ใจเล็กน้อยขณะสอนลูกไม่ได้เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก

ปัจจุบันการเรียนคณิตศาสตร์ระดับประถมไม่ได้จำกัดอยู่แค่การทำเลขพื้นฐาน แต่เน้นพัฒนาทักษะการคิดเชิงตรรกะและการประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง หลายโจทย์ดูเหมือนง่ายแต่แท้จริงซ่อนการประเมินทั้งความสามารถในการสังเกต ความเข้าใจ และความยืดหยุ่นในการคิดของเด็ก

ดังนั้นในการสอนลูกทำการบ้าน ผู้ปกครองจึงควรใส่ใจและพิจารณาโจทย์ให้รอบด้านมากขึ้น

Riemann Hypothesis: \

Riemann Hypothesis: "โจทย์คณิตศาสตร์ที่ยากที่สุดในโลก" ใครแก้ได้เอาไปเลย 1 ล้านดอลลาร์!

ใครก็ตามที่สามารถหาคำตอบได้ จะได้รับเงินรางวัลจากสถาบัน Clay Mathematics Institute เป็นจำนวนสูงถึง 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (กว่า 36 ล้านบาท) เลยทีเดียว