หมอเผย 1 ผลไม้ ช่วยลดน้ำหนักไว "ย้อนกลับ" ไขมันพอกตับ-ไขมันเลว คนไทยกินประจำ!

01/10/2025 (14:11 น.)

แพทย์เผย “ผลไม้ไวต่อการลดน้ำหนัก” ช่วยลดไขมันพอกตับ คนไทยนิยมกินกันอยู่แล้ว

แม้จะเป็นผลไม้ที่มีไขมันสูง แต่อะโวคาโดกลับเป็นตัวช่วยสำคัญในการลดไขมันส่วนเกินและไขมันพอกตับ โดยมีกรณีศึกษาชายหนุ่มชาวไต้หวันคนหนึ่งสามารถฟื้นฟูภาวะไขมันพอกตับได้ภายใน 6 เดือน โดยไม่ต้องใช้ยา

อะโวคาโด ผลไม้ที่หลายคนมองข้าม

อะโวคาโด เป็นผลไม้ที่มีไขมันสูง แต่เป็นไขมันดีที่ช่วยบำรุงร่างกาย ราคาย่อมเยาและหาซื้อง่าย คนไทยก็นิยมบริโภคเป็นประจำ

กรณีศึกษาที่ถูกเปิดเผยโดย นพ.จ้วง จั่นตุง ผู้อำนวยการศูนย์ส่องกล้อง โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแพทย์ไทเป ประเทศไต้หวัน เล่าว่า ชายหนุ่มวัย 20 กว่าปี ชื่อว่า “เจ้า” มีภาวะไขมันพอกตับและคอเลสเตอรอลสูง เนื่องจากพฤติกรรมการกินไม่เป็นเวลา ชอบกินอาหารจานด่วน มื้อดึก และนอนดึก

เปลี่ยนชีวิตด้วยอะโวคาโด

หลังจากได้รับคำแนะนำจากแพทย์ ชายหนุ่มรายนี้ตัดสินใจไม่ใช้ยา แต่ปรับพฤติกรรมใหม่ โดยเพิ่มอะโวคาโดในมื้ออาหารทุกวัน นอนเร็ว ออกกำลังกาย และเลิกกินอาหารขยะ

แพทย์อธิบายว่า อะโวคาโดอุดมด้วยไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (monounsaturated fat) ซึ่งช่วยลดคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) เพิ่มไขมันดี (HDL) อีกทั้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระและวิตามินอี ที่ช่วยลดการอักเสบ ปกป้องเซลล์ตับ และลดการสะสมของไขมันในตับ

หลังผ่านไป 6 เดือน น้ำหนักของเขาลดลงอยู่ในระดับปลอดภัย และค่าตับกลับสู่ระดับปกติ ภาวะไขมันพอกตับเกือบหายไปอย่างสมบูรณ์

•  กูรูอวย 5 ผลไม้ "โปรตีนไม่แพ้เนื้อสัตว์" ขนุน-ทับทิม-อะโวคาโด ก็ติดโผ แต่ยังไม่ใช่อันดับแรก!
• แห่แชร์ หมอญี่ปุ่นเผย "มื้อเช้า" แค่กินผัก 2 อย่างนี้ น้ำหนักไม่ขึ้น 20 ปี ที่ไทยหาซื้อง่าย!

ประโยชน์อื่นๆ ของอะโวคาโด

ช่วยลดน้ำหนัก: ไขมันดีและใยอาหารในอะโวคาโดช่วยให้อิ่มนาน ลดการกินจุกจิก แต่อย่ากินร่วมกับนมข้นหวาน น้ำตาล หรือท็อปปิ้งอื่น ๆ เพราะจะเพิ่มแคลอรีมากเกินไป

บำรุงตับ: ช่วยลดการอักเสบในตับ ลดค่าเอนไซม์ตับ และชะลอการลุกลามของโรคตับ

ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ: มีสาร β-sitosterol ที่ช่วยลดคอเลสเตอรอลและควบคุมความดันโลหิต

ควบคุมระดับน้ำตาลและไขมันในเลือด: เหมาะกับผู้ป่วยเบาหวาน เพราะมีน้ำตาลต่ำและไขมันดีสูง

บรรเทาอาการปวดข้อ: มีสาร ASU ที่ช่วยลดการอักเสบของข้อและกระตุ้นการสร้างกระดูกอ่อน

ช่วยระบบย่อยอาหาร: ใยอาหารช่วยส่งเสริมแบคทีเรียดีในลำไส้ และลดโอกาสเกิดแผลในกระเพาะอาหาร

ลดกลิ่นปาก: การปรับสมดุลลำไส้ช่วยลดกลิ่นปากจากระบบย่อยอาหาร

ข้อควรระวังเมื่อกินอะโวคาโด

ปริมาณแนะนำคือครึ่งลูกต่อวัน (ประมาณ 50–70 กรัม)

ผู้ที่มีน้ำหนักเกินควรกิน 2–3 ครั้งต่อสัปดาห์

หลีกเลี่ยงการกินร่วมกับน้ำตาล นมข้นหวาน หรือของหวานอื่นๆ

ไม่ควรกินอะโวคาโดที่ดิบเกินไป หรือเริ่มเน่าเสีย

ผู้ที่มีโรคตับเรื้อรังหรือคอเลสเตอรอลสูงควรปรึกษาแพทย์ก่อนบริโภคเป็นประจำ

อะโวคาโดไม่ใช่แค่ผลไม้ธรรมดา แต่สามารถเป็นผู้ช่วยในการลดน้ำหนัก ฟื้นฟูตับ และดูแลสุขภาพโดยรวมได้ หากบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม และควบคู่กับการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตอย่างถูกต้อง