
"วิ่ง" เช้าหรือเย็นดีกว่ากัน? แพทย์แผนจีน vs วิทยาศาสตร์ยุคใหม่ ไขคำตอบชัด!
วิ่งตอนเช้าหรือตอนเย็นดีกว่ากัน? แพทย์แผนจีน vs วิทยาศาสตร์ยุคใหม่ ไขคำตอบชัด
หลายคนชื่นชอบการวิ่งเป็นกิจกรรมเพื่อสุขภาพ แต่ยังมีคำถามว่าควรวิ่งในตอนเช้าหรือในตอนเย็นจึงจะให้ผลดีต่อร่างกายมากกว่า บทความนี้รวบรวมมุมมองจากทั้งศาสตร์แพทย์แผนตะวันออกและแนวทางปฏิบัติในยุคปัจจุบัน เพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างเหมาะสม
มุมมองของแพทย์แผนตะวันออก
ตามแนวคิด “หยิน–หยาง” ของแพทย์แผนตะวันออก การวิ่งตอนเช้าช่วยส่งเสริมพลังหยาง เพราะเป็นช่วงเวลาที่พลังชีวิตเริ่มฟื้นตัว ส่วนตอนเย็นจะเป็นช่วงที่ควรส่งเสริมพลังหยิน
ถ้าวิ่งในตอนเย็น ร่างกายอาจ “ฟุ้งกระจายพลังหยาง” ซึ่งขัดกับธรรมชาติ อีกทั้งค่ำคืนเป็นช่วงที่ “หยางเย็น” มักเข้าสู่ร่างกาย หากขณะวิ่งเหงื่อออก ปล่อยให้ร่างกายสัมผัสกับลมเย็น อาจเปิดทางให้พลังไม่ดีเข้าสู่ร่างกาย และส่งผลให้ระบบต่างๆ อ่อนแอลง
แนวทางในยุคสมัยใหม่
บางคนมองว่าคำอธิบายตามแพทย์แผนตะวันออกมาจากบริบทของอดีต ที่ผู้คนใช้ชีวิตใกล้ชิดธรรมชาติและกิจวัตรสัมพันธ์กับดวงอาทิตย์ แต่ปัจจุบันเงื่อนไขชีวิตและโภชนาการแตกต่างไปมาก
จริงอยู่ว่า ถ้าวิ่งกลางคืนอาจมีความเสี่ยงบ้าง แต่หากควบคุมความเข้มของการวิ่งให้เหมาะสม เติมอาหารให้ครบถ้วน และใส่ใจสัญญาณของร่างกาย การวิ่งในตอนเย็นก็สามารถให้ประโยชน์ทางสุขภาพได้เช่นกัน
เปรียบเทียบข้อดี–ข้อด้อยของการวิ่งแต่ละช่วง
- วิ่งเช้า: ช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญตั้งแต่ต้นวัน ส่งเสริมพลังงานให้ตลอดทั้งวัน
- วิ่งเย็น: เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาว่างตอนเช้า และช่วยลดความเครียดหลังทำงาน
- ข้อเสีย: วิ่งเช้าอาจทำให้ร่างกายยังไม่อุ่นพอ วิ่งเย็นเสี่ยงต่อการโดนลมเย็นเข้าสู่ร่างกาย
สิ่งสำคัญไม่ใช่ว่าจะวิ่งเช้าหรือเย็น แต่คือการเลือกช่วงเวลาที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ ร่างกาย และสุขภาพของคุณเอง
ถ้าคุณเป็นคนตื่นเช้า วิ่งเช้าจะเหมาะกว่า แต่ถ้าคุณยุ่งในตอนเช้า วิ่งเย็นก็ยังเป็นทางเลือกที่ดี เลือกเวลาที่คุณสามารถทำได้สม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
- ฮาร์วาร์ดชี้ 1 กิจกรรมที่คน "สูงวัย" ทำแล้วความจำดีขึ้น ไม่ใช่โยคะ-ว่ายน้ำ แต่ง่ายกว่านั้นเยอะ!
- รู้ไว้ดีกว่า! อาการ "คันเท้า" อาจเป็นสัญญาณ 3 ปัญหาสุขภาพร้ายแรง ไม่ใช่แค่โรคเบาหวาน