
นักชิมเลือก 4 ปลา ธรรมชาติล้วนๆ "เลี้ยงเองไม่ได้" เนื้อแน่น อร่อย หวานจนวางช้อนไม่ลง!
4 ปลาทะเลธรรมชาติ ที่ยังไม่สามารถเลี้ยงในฟาร์มได้ รสชาติเยี่ยม เนื้อหวาน มันแน่น ควรลองสักครั้ง!
คนรักอาหารทะเลและสายสุขภาพไม่ควรพลาด! บทความนี้พาไปรู้จัก 4 ชนิดปลาทะเลธรรมชาติ ที่ยังไม่สามารถเพาะเลี้ยงได้ในเชิงพาณิชย์ ต้องจับจากแหล่งธรรมชาติเพียงอย่างเดียวเท่านั้น โดยปลาทั้งหมดขึ้นชื่อว่าเนื้อมันแน่น รสหวานธรรมชาติ และอุดมไปด้วยสารอาหารที่ดีต่อร่างกาย เรียกได้ว่าเป็น "สมบัติ" แห่งช่วงเปลี่ยนผ่านฤดูเช่นนี้
1. ปลาเฮอริ่ง – โปรตีนสูง โอเมกา 3 เยอะกว่าปลาแซลมอน
ปลาเฮอริ่งเป็นปลาทะเลที่ว่ายน้ำตลอดเวลาในพื้นที่กว้างหลายกิโลเมตรต่อวัน ทำให้ไม่สามารถเลี้ยงในฟาร์มได้ เพราะไวต่อสิ่งแวดล้อมและตายง่ายหากถูกควบคุมในบ่อ
เนื้อปลาเฮอริ่งมีโปรตีนสูงถึง 20 กรัมต่อ 100 กรัม และมีโอเมกา 3 สูงกว่าปลาแซลมอนถึง 2 เท่า จึงดีต่อหัวใจและสมอง
เคล็ดลับเลือก: ตาต้องใส เหงือกแดง ผิวมันวาว เนื้อแน่นเด้ง
วิธีปรุง: ทอดให้กรอบ แล้วตุ๋นกับขิง กระเทียม และซีอิ๊ว เพื่อดึงความหวานของเนื้อปลาออกมา
2. ปลาแมคเคอเรล – เนื้อมันแน่น รสกลมกล่อม
เนื่องจากอาศัยอยู่ในน้ำลึกประมาณ 50–100 เมตร โดยเฉพาะในช่วงเดือนตุลาคม ปลาจะมีไขมันสะสมมากที่สุด ทำให้เนื้อปลามันและหวานเป็นพิเศษ
ปลาชนิดนี้ไม่สามารถเลี้ยงได้เนื่องจากต้องอาศัยแรงดันน้ำสูง และมีนิสัยดุร้าย จึงพบได้จากการจับธรรมชาติเท่านั้น
เคล็ดลับเลือก: ลำตัวแข็ง ผิวเป็นประกายเงิน ตาใส
วิธีปรุง: ทอดกรอบแล้วเคี่ยวกับพริกไทยและน้ำปลา รสชาติเข้มข้นลงตัว
3. ปลาจาระเม็ดครีบเหลือง – ปลาเนื้อนุ่ม วิตามินสูง
ปลาจาระเม็ดครีบเหลือง (เต๋าเต้ยครีบเหลือง) ปลาธรรมชาติหายาก เพราะไม่สามารถเพาะเลี้ยงในระบบฟาร์มได้ ต้องใช้เวลาหลายปีในการเจริญเติบโตในธรรมชาติ
ปลาเนื้อนุ่มชนิดนี้มีไขมันต่ำ อุดมด้วยวิตามินบี และแร่ธาตุอย่างเซเลเนียม ดีต่อสุขภาพของเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก
เคล็ดลับเลือก: ลำตัวยาว ผิวสีทองสม่ำเสมอ เกล็ดเรียงตัวแน่น
วิธีปรุง: นึ่งกับขิงและต้นหอม ราดน้ำซีอิ๊วเล็กน้อย ดึงความหวานตามธรรมชาติของปลา
4. ปลาลิ้นหมา – ก้างน้อย เหมาะกับทุกวัย
ปลาลิ้นหมาเป็นปลาทะเลที่อาศัยอยู่ตามพื้นทราย และกินเหยื่อสด จึงเลี้ยงในฟาร์มได้ยากมาก ทุกตัวที่ขายในตลาดคือปลาจากธรรมชาติโดยตรง
เนื้อปลามีโปรตีนสูงแต่ไขมันต่ำ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการอาหารที่ดีต่อรูปร่าง พร้อมทั้งมีวิตามิน B12 สูงที่ช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง
เคล็ดลับเลือก: เนื้อแน่น ไม่มีกลิ่นคาวแรง กดแล้วเด้งคืน
วิธีปรุง: ทอดหรืออบแล้วราดซอสมะเขือเทศ หรือตุ๋นกับสับปะรดเพื่อรสเปรี้ยวหวาน
วิธีเก็บรักษาและเลือกซื้อปลาธรรมชาติ
ปลาธรรมชาติจะคงความสดอยู่ได้ไม่นาน ดังนั้นควรเลือกปลาที่
หลังซื้อกลับบ้าน ควรล้างสะอาด ซับให้แห้ง แล้วแช่เย็นทันที ถ้าเก็บในช่องธรรมดา ควรบริโภคภายใน 2–3 วัน หรือหากต้องแช่แข็ง ควรห่อด้วยพลาสติกถนอมอาหารให้แน่น เพื่อคงรสชาติของเนื้อปลา
ปลาธรรมชาติทั้ง 4 ชนิดที่กล่าวไปข้างต้น ถือเป็นของหายากในตลาด และยังไม่สามารถเพาะเลี้ยงในระบบฟาร์มได้ จึงรับรองความสด คุณภาพ และรสชาติชั้นเยี่ยม ใครที่หลงใหลอาหารทะเลไม่ควรพลาดลิ้มลอง
- แพทย์ไต้หวัน เตือนอย่ากิน "ปลาชนิดนี้" เสี่ยงมะเร็งโพรงจมูก 6 เท่า แต่ไทยยังกินกันอยู่!
- รู้หรือไม่ "ปลา" ที่ครองแชมป์ DHA แซลมอนยังอยู่อันดับ 6 แล้วท็อป 5 ที่เหนือกว่าคืออะไร?!