จากหัวใจแม่ของแผ่นดิน สู่โครงการ "ศิลปาชีพ" ที่พลิกชีวิตชาวบ้านทั่วไทย
เบื้องหลังโครงการ “ศิลปาชีพ” ที่สร้างชีวิตใหม่ให้ชาวบ้านทั่วประเทศ
โครงการศิลปาชีพ ถือเป็นอีกหนึ่งพระราชดำริที่เปี่ยมด้วยพระเมตตาของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงมองเห็นคุณค่าของภูมิปัญญาชาวบ้าน และต้องการให้คนไทยในถิ่นทุรกันดารมีอาชีพ มีรายได้ และมีความภาคภูมิใจในฝีมือของตนเอง
จุดเริ่มต้นจากความห่วงใยของ “แม่ของแผ่นดิน”
ในช่วงที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรทั่วประเทศ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ทรงตามเสด็จไปด้วย และได้ทอดพระเนตรเห็นว่าชาวบ้านในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะผู้หญิง ไม่มีอาชีพแน่นอน บางคนว่างงานหลังฤดูทำนา ต้องไปทำงานรับจ้างหรือออกจากบ้านไปหางานในเมืองใหญ่
ด้วยพระราชหฤทัยอันเปี่ยมด้วยความเมตตา ทรงมีพระดำริว่า “หากชาวบ้านสามารถนำภูมิปัญญาที่มีอยู่มาพัฒนาให้กลายเป็นอาชีพได้ ก็จะสามารถอยู่กับบ้าน อยู่กับครอบครัว และมีรายได้ที่มั่นคง” จึงทรงตั้งเป็นแนวคิดเริ่มต้นของ โครงการศิลปาชีพ
ฟื้นฟูภูมิปัญญาท้องถิ่น สร้างงาน สร้างอาชีพ
พระองค์ทรงให้ความสำคัญกับศิลปะและหัตถกรรมพื้นบ้านของแต่ละภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็น การทอผ้าไหม การจักสาน การแกะสลักไม้ การทำเครื่องเงิน เครื่องปั้นดินเผา ไปจนถึงงานปักผ้าแบบชาวไทยภูเขา ทุกชิ้นงานล้วนสะท้อนถึงเอกลักษณ์ของชุมชนนั้น ๆ
ภายใต้การสนับสนุนของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพในพระบรมราชินูปถัมภ์ ได้มีการฝึกอบรมอาชีพ ถ่ายทอดความรู้จากครูช่างผู้เชี่ยวชาญ และจัดหาตลาดจำหน่าย เพื่อให้ผลงานของชาวบ้านสามารถสร้างรายได้อย่างยั่งยืน
จากผ้าไหมท้องถิ่น สู่ผ้าไทยที่โด่งดังระดับโลก
หนึ่งในผลงานที่โดดเด่นที่สุดของโครงการศิลปาชีพ คือการฟื้นฟู ผ้าไหมไทย ให้กลับมาเป็นที่รู้จักในระดับสากล พระองค์ทรงส่งเสริมให้ชาวบ้านทอผ้าไหมลวดลายพื้นบ้าน เช่น ผ้าไหมแพรวา ผ้าไหมมัดหมี่ ผ้าไหมยกดอก และผ้าฝ้ายทอมือ ซึ่งต่อมาถูกนำไปออกแบบในรูปแบบทันสมัย กลายเป็นแฟชั่นไทยที่งดงามและสง่างามบนเวทีโลก
พระราชดำริเรื่องผ้าไทยนี้เอง ทำให้คนทั่วโลกหันมาชื่นชมความละเอียด ประณีต และความคิดสร้างสรรค์ของช่างไทย จนเกิดคำกล่าวที่ว่า “พระองค์ทรงเป็นราชินีแห่งไหมไทย”
มากกว่าความงาม คือชีวิตใหม่ของชาวบ้าน
โครงการศิลปาชีพไม่เพียงช่วยให้ชาวบ้านมีรายได้ แต่ยังช่วยสร้างคุณค่าทางจิตใจ ทำให้ผู้หญิงในชนบทมีโอกาสแสดงฝีมือ มีความภูมิใจในผลงานของตนเอง และมีแรงบันดาลใจที่จะอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นให้คงอยู่
ชาวบ้านจำนวนมากที่เคยยากจนหรือขาดโอกาส ได้กลับมามีรอยยิ้ม เพราะ “ศิลปาชีพ” ทำให้พวกเขามีอาชีพ มีศักดิ์ศรี และได้อยู่กับครอบครัวอย่างอบอุ่น
พระราชดำรัสที่ยังคงเป็นแรงบันดาลใจ
“ข้าพเจ้ามีความหวังอย่างยิ่งว่า งานศิลปาชีพจะช่วยให้คนไทยรู้จักคุณค่าของตนเอง และภูมิใจในสิ่งที่เป็นไทย”คำตรัสนี้สะท้อนพระราชปณิธานอันแน่วแน่ของพระองค์ ที่ต้องการให้คนไทยยืนหยัดด้วยความภาคภูมิใจในวัฒนธรรมและฝีมือของตนเอง
มรดกแห่งพระเมตตา ที่จะอยู่คู่แผ่นดินไทยตลอดไป
ทุกวันนี้ โครงการศิลปาชีพยังคงดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง มีศูนย์ศิลปาชีพกระจายอยู่ทั่วประเทศ เป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้และสร้างสรรค์ผลงานหัตถศิลป์ที่งดงาม
เบื้องหลังผลงานแต่ละชิ้น ไม่ได้มีเพียงความงามทางศิลปะเท่านั้น แต่ยังมี “เรื่องราวของชีวิต” และ “หัวใจของความพอเพียง” ที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ได้พระราชทานไว้ให้กับคนไทยทุกคน
ศิลปาชีพ... ไม่ได้เป็นเพียงงานศิลป์ แต่เป็นรากแห่งชีวิตที่งอกงามจากพระเมตตาของแม่แห่งแผ่นดิน