เนื้อหาในหมวด ข่าว

ชายกินดี กลับตายเพราะมะเร็งลำไส้ หมอเผย 3 นิสัยเสี่ยงโรค อย่าโทษแต่อาหาร

ชายกินดี กลับตายเพราะมะเร็งลำไส้ หมอเผย 3 นิสัยเสี่ยงโรค อย่าโทษแต่อาหาร

แพทย์เผย 3 พฤติกรรมเสี่ยง “มะเร็งลำไส้ใหญ่” ที่ไม่ได้มาจากอาหาร แต่หลายคนยังทำอยู่ทุกวัน

หลายคนเชื่อว่า “อาหาร” คือสาเหตุหลักของ มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก (Colorectal Cancer) แต่ในความเป็นจริงแล้ว ยังมีอีกหลายปัจจัยที่อาจก่อโรคนี้ได้โดยไม่เกี่ยวข้องกับการกินเลยแม้แต่น้อย

กรณีของคุณฮวง ชายวัย 62 ปีจากมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน คือหนึ่งในตัวอย่างที่สะเทือนใจ เขาเป็นคนที่ดูแลสุขภาพดีมาก กินอาหารที่สมดุล ไม่แตะเหล้า ไม่กินของหมักดอง และยังคุมปริมาณเกลืออยู่เสมอ ทว่ากลับเสียชีวิตจากมะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะสุดท้าย หลังจากเข้ารับการรักษาได้ไม่ถึง 1 ปี

จากอาการท้องอืดจนถึงมะเร็งระยะสุดท้าย

คุณฮวงเริ่มมีอาการปวดท้องและถ่ายเป็นสีดำอยู่บ่อยครั้ง แต่คิดว่าเป็นเรื่องเล็กจึงไม่ไปตรวจ จนกระทั่งทั้งสัปดาห์ไม่สามารถขับถ่ายได้ ท้องแข็งและแน่นจนเจ็บรุนแรง จึงถูกส่งตัวไปโรงพยาบาล

แพทย์วินิจฉัยว่าเขาเกิด ภาวะลำไส้อุดตัน (Intestinal Obstruction) ซึ่งไม่ใช่จากอาหารหรือสิ่งแปลกปลอม แต่เป็นผลแทรกซ้อนจากมะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะสุดท้าย เนื่องจากก้อนเนื้อขนาดใหญ่ปิดทางเดินของลำไส้ ทำให้ของเสียและแก๊สไม่สามารถเคลื่อนผ่านได้ หลังผ่าตัดฉุกเฉิน เขาถูกส่งต่อไปรักษามะเร็งแต่สุดท้ายไม่สามารถยื้อชีวิตไว้ได้

แม้กินดีแค่ไหน ก็ยังเสี่ยงมะเร็งจาก 3 พฤติกรรมนี้

ภรรยาของคุณฮวงเผยทั้งน้ำตาว่า “ตอนรู้ว่าเขาเป็นมะเร็ง เราทั้งบ้านช็อกหมด เพราะสามีฉันดูแลสุขภาพดีมาก แต่เมื่อแพทย์วิเคราะห์พฤติกรรมประจำวัน กลับพบว่ามี 3 นิสัยที่สะสมมากว่า 10 ปี ซึ่งกลายเป็นต้นเหตุสำคัญ ทั้งหมดนี้ไม่ได้เกี่ยวกับอาหารเลย”

1. ชอบนั่งนิ่งนาน โดยเฉพาะหลังมื้ออาหาร

หลังรับประทานอาหาร หลายคนชอบนั่งพักเฉยๆ แต่จริงๆ แล้วนั่นเป็นพฤติกรรมที่ทำร้ายลำไส้โดยตรง เพราะการนั่งนิ่งทำให้เลือดไหลเวียนช้าลง การบีบตัวของลำไส้ลดลง ส่งผลให้ของเสียตกค้างและสารพิษอยู่ในลำไส้นานขึ้น ทำให้เยื่อบุลำไส้ระคายเคืองและเพิ่มความเสี่ยงต่อเซลล์กลายพันธุ์เป็นมะเร็ง

งานวิจัยของ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Harvard University) พบว่า คนที่นั่งนิ่งมากกว่า 6 ชั่วโมงต่อวัน มีความเสี่ยงต่อมะเร็งลำไส้ใหญ่สูงขึ้นถึงประมาณ 30% เมื่อเทียบกับผู้ที่เคลื่อนไหวร่างกายเป็นประจำ

2. ชอบกลั้นอุจจาระ ปล่อยให้ท้องผูกเรื้อรัง

การกลั้นอุจจาระบ่อยๆ ทำให้ของเสียสะสมในลำไส้นานกว่าปกติ น้ำในกากอาหารถูกดูดกลับเข้าสู่ร่างกาย ทำให้ของเสียแห้ง แข็ง และขับถ่ายยาก ลำไส้ต้องบีบตัวแรงขึ้นจนเกิดการระคายเคืองเรื้อรัง ซึ่งอาจพัฒนาเป็นภาวะท้องผูกเรื้อรัง (Chronic Constipation) และเพิ่มโอกาสเกิดการอักเสบของเยื่อบุลำไส้ จุดเริ่มต้นของการกลายพันธุ์ของเซลล์

3. นอนดึก พักผ่อนไม่เพียงพอ

แม้ข้อความต้นฉบับไม่ได้ระบุ แต่จากข้อมูลทางการแพทย์ พบว่าการพักผ่อนไม่เพียงพอมีผลต่อการทำงานของระบบย่อยอาหารและภูมิคุ้มกัน โดยเฉพาะเมื่ออดนอนเป็นประจำ ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนความเครียด (Cortisol) มากเกินไป ซึ่งอาจกระตุ้นให้เซลล์ผิดปกติในลำไส้เจริญเติบโตเร็วขึ้น

สรุป: “อาหารดี” เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ ต้องเปลี่ยนนิสัยด้วย

แม้การกินอาหารที่มีประโยชน์จะช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งได้ แต่หากยังคงพฤติกรรมเสี่ยง เช่น นั่งนาน กลั้นอุจจาระ หรือนอนดึก ก็อาจทำให้ความพยายามนั้นสูญเปล่า การออกกำลังกายเบาๆ หลังอาหาร พักผ่อนให้เพียงพอ และขับถ่ายให้เป็นเวลา คือวิธีง่ายๆ ที่ช่วยให้ลำไส้แข็งแรงและลดโอกาสเกิดมะเร็งได้จริง

เช็กข่าวชัวร์ : กินถั่วเหลือง น้ำเต้าหู้ เสี่ยงมะเร็งเต้านมจริงหรือไม่? หมอเจดมาเฉลยแล้ว

เช็กข่าวชัวร์ : กินถั่วเหลือง น้ำเต้าหู้ เสี่ยงมะเร็งเต้านมจริงหรือไม่? หมอเจดมาเฉลยแล้ว

เช็กให้ชัด กินถั่วเหลือง น้ำเต้าหู้ ทำให้เสี่ยงมะเร็งเต้านม จริงหรือไม่? หมอเจดไขทุกข้อสงสัยให้แล้ว

นิ่วในถุงน้ำดี กลายเป็นมะเร็งได้ไหม? สังเกต 4 สัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม

นิ่วในถุงน้ำดี กลายเป็นมะเร็งได้ไหม? สังเกต 4 สัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม

นิ่วในถุงน้ำดี กลายเป็นมะเร็งได้ไหม? สังเกต 4 อาการเบื้องต้นของนิ่วในถุงน้ำดี สัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม

ฉี่แบบไหนเสี่ยง \

ฉี่แบบไหนเสี่ยง "มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ" เช็ก 7 สัญญาณเตือนที่อาจมาเงียบๆ

ฉี่แบบไหนเสี่ยง "มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ" มะเร็งที่พบบ่อยที่สุดในระบบทางเดินปัสสาวะ เช็ก 7 สัญญาณเตือนที่อาจมาเงียบๆ

ประเทศที่ป่วย \

ประเทศที่ป่วย "โรคมะเร็ง" มากที่สุดในโลก ไทยอยู่อันดับน่ากลัว ปีเดียวเพิ่ม 1.8 แสน

ประเทศที่มีผู้ป่วยใหม่ "โรคมะเร็ง" มากที่สุดในโลก ไทยอยู่อันดับน่ากลัว ปีเดียวเพิ่ม 1.8 แสน