2 อาหารเร่ง "กลิ่นแก่" บางคนอายุยังไม่แก่ แต่กลิ่นมาก่อนวัย กินอะไรถึงช่วยได้?
2 อาหารเร่ง "กลิ่นแก่" บางคนอายุยังไม่มาก แต่กลิ่นมาก่อนวัย
กลิ่นแก่ หรือ กลิ่นของผู้สูงอายุ เป็นกลิ่นเฉพาะที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติเมื่อร่างกายมีอายุเพิ่มขึ้น โดยกลิ่นนี้มักจะมีลักษณะเป็นกลิ่นมัน ๆ อับ ๆ หรือเหมือนกับหญ้าแห้ง ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงทางเคมีในร่างกายที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการ aging หรือการแก่ชรา
กลิ่นแก่เกิดขึ้นจากสารเคมีที่ชื่อ 2-nonenal ซึ่งมีการผลิตมากขึ้นตามอายุ โดยสารนี้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการ lipid peroxidation หรือการเกิดออกซิเดชันของกรดไขมันในร่างกาย นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่สามารถส่งผลต่อการเกิดกลิ่นนี้ เช่น การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน การใช้ยา หรือแม้กระทั่งการบริโภคอาหารบางประเภท
กลิ่นแก่เกิดเมื่อไหร่?
แม้ว่าการเกิดกลิ่นแก่จะเกี่ยวข้องกับการแก่ชรา แต่กลิ่นนี้สามารถเริ่มปรากฏได้ตั้งแต่อายุประมาณ 40 ปี หรือมากกว่านั้น เมื่อการผลิตสาร 2-nonenal ในร่างกายเพิ่มขึ้นตามวัย เมื่ออายุมากขึ้น กลิ่นก็อาจจะชัดเจนขึ้น
บางคนแม้จะยังไม่ถึงวัยสูงอายุ แต่ก็เริ่มมีกลิ่นตัวที่แตกต่างจากคนอื่นๆ กลิ่นที่เกิดจากกระบวนการธรรมชาติสามารถได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัย รวมถึงอาหารที่เราทานทุกวัน
สามารถบรรเทาได้ด้วยการปรับพฤติกรรมการดูแลตัวเอง เช่น การเลือกทานอาหารที่ดี การใช้สบู่และมอยเจอร์ไรเซอร์ที่เหมาะสม และการรักษาความสะอาดของเสื้อผ้า
อาหารที่อาจเร่งการเกิดกลิ่นแก่ในร่างกาย
- เนื้อแดงและอาหารที่มีไขมันสูง การทานอาหารที่มี ไขมันสูง และ เนื้อแดง มากเกินไป อาจส่งผลให้กรดไขมันในผิวหนังสะสมและเกิดการออกซิเดชัน ซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มของสาร 2-nonenal ที่ทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ตามมาได้ การหลีกเลี่ยงเนื้อแดงและไขมันสูงจะช่วยลดปริมาณกรดไขมันที่ผิวหนังและป้องกันกลิ่นนี้
- อาหารที่มีกลิ่นแรง อาหารที่มีสารประกอบซัลเฟอร์ เช่น หอม กระเทียม รวมถึงอาหารรสจัด เครื่องเทศบางชนิดที่มีกลิ่นแรง อาจส่งผลให้เกิดกลิ่นตัวที่แรงขึ้น เนื่องจากสารเหล่านี้จะถูกขับออกมาผ่านเหงื่อและลมหายใจเมื่อเราทานเข้าไป โดยเฉพาะในผู้ที่มีอายุมากขึ้น การสะสมของสารเหล่านี้อาจทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ในร่างกาย ซึ่งเข้าไปเสริมกับสาร 2-Nonenal ทำให้กลิ่นไม่พึงประสงค์รุนแรงขึ้น
นอกจากนี้ การดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ เป็นปัจจัยที่เพิ่มการผลิตสารอนุมูลอิสระในร่างกาย ซึ่งเร่งกระบวนการออกซิเดชันของไขมันในผิวหนัง ส่งผลให้เกิดกลิ่นแก่หรือกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ได้เร็วขึ้น ดังนั้น การหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่จะช่วยลดกลิ่นนี้ได้

วิธีลดการเกิดกลิ่นแก่
การปรับพฤติกรรมการทานอาหารและการดูแลสุขภาพสามารถช่วยลดการสะสมของกลิ่นแก่ได้ อาหารที่แนะนำได้แก่:
1. เห็ด (Mushrooms)
ผู้เชี่ยวชาญด้านการชะลอวัยได้แนะนำเห็ดบางชนิดว่าเป็น "ซูเปอร์ฟู้ด" ที่มีศักยภาพในการลดกลิ่นแก่ได้ดีที่สุด เนื่องจากมีสารสำคัญ 2 ชนิด
-
เออร์โกไทโอนีน (Ergothioneine): เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ที่ทรงพลังมาก ช่วย หยุดยั้งการเกิดออกซิเดชันของไขมัน (Lipid peroxidation) ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของสาร 2-Nonenal ตั้งแต่แรกเริ่ม
-
สเปอร์มิดีน (Spermidine): ช่วยกระตุ้นกระบวนการ Autophagy (การฟื้นฟูเซลล์) ทำให้ร่างกายกำจัดส่วนประกอบของเซลล์ที่เสียหายและผลัดเซลล์ใหม่ได้ดีขึ้น ซึ่งมีส่วนช่วยลดการสะสมของกลิ่นอับที่มาพร้อมกับวัย
เห็ดที่แนะนำคือ "เห็ดหอม" เป็นแหล่งของเออร์โกไทโอนีน (Ergothioneine) และ สเปอร์มิไดน์ (spermidine) สารอินทรีย์ที่กระตุ้นกระบวนการฟื้นฟูเซลล์ด้วยการกำจัดส่วนที่เสียหายและนำกลับมาใช้ใหม่เพื่อส่งเสริมการสร้างเซลล์ใหม่
2. อาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง (Anti-oxidants)
เนื่องจากกลิ่นแก่เกิดจากการออกซิเดชันของไขมัน การเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระจึงเป็นหัวใจสำคัญในการต่อต้าน
-
วิตามิน C และ E:
-
วิตามิน C: ผลไม้รสเปรี้ยว เช่น ฝรั่ง, กีวี่, ส้ม, มะนาว, พริกหวาน ช่วยขับสารพิษและทำให้ร่างกายสดชื่น
-
วิตามิน E: อะโวคาโด, ถั่วเปลือกแข็ง (เช่น อัลมอนด์), เมล็ดทานตะวัน, น้ำมันพืชบางชนิด ช่วยบำรุงผิวและลดการออกซิเดชันของไขมัน
-
-
ชาเขียว: มีสาร คาเทชิน (Catechin) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยต้านแบคทีเรียและลดการผลิตสาร 2-Nonenal โดยตรง
3. อาหารที่ช่วยระบบขับถ่ายและล้างสารพิษ
-
ผักใบเขียว: ช่วยเพิ่มใยอาหาร ทำให้ระบบขับถ่ายดี ลดการสะสมของของเสียและกลิ่นจากภายในร่างกาย
-
ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่: มีไฟเบอร์และสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยขับของเสียในลำไส้