เนื้อหาในหมวด ข่าว

ชา vs กาแฟ ดื่มอะไรดีต่อ \

ชา vs กาแฟ ดื่มอะไรดีต่อ "ตับ" มากกว่ากัน ผลงานวิจัยได้คำตอบแล้ว

ชาหรือกาแฟ? ผลวิจัยจากจีนเผยคำตอบ เครื่องดื่มใดดีต่อ "ตับ" มากที่สุด

ท่ามกลางเครื่องดื่มยอดนิยมอย่างชาและกาแฟ เครื่องดื่มใดกันแน่ที่ให้ประโยชน์สูงสุดต่อสุขภาพตับ? ผลการวิจัยขนาดใหญ่จากมหาวิทยาลัยจี๋หลิน (Jilin University) ประเทศจีน ได้เปิดเผยคำตอบที่อาจสร้างความประหลาดใจ

ตับมีความสำคัญต่อสุขภาพโดยรวม

ตับเป็นอวัยวะที่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อสุขภาพโดยรวมของร่างกาย เนื่องจากทำหน้าที่หลายอย่าง ตั้งแต่การกรองสารพิษออกจากเลือด การผลิตน้ำดีเพื่อย่อยอาหาร ไปจนถึงการแปรรูปโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมันให้เป็นพลังงานที่ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้ ดังนั้น ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจึงแนะนำให้ใส่ใจกับสิ่งที่รับประทานและดื่มเพื่อรักษาสุขภาพตับ

ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ทุกสิ่งที่เราบริโภค ไม่ว่าจะเป็นอาหารหรือเครื่องดื่ม ล้วนส่งผลกระทบต่อการทำงานของตับได้ทั้งสิ้น ทำให้มีงานวิจัยหลายชิ้นที่ชี้ให้เห็นถึงประโยชน์ในการปกป้องตับของชาและกาแฟ แต่คำถามสำคัญที่เกิดขึ้นคือ ในบรรดาเครื่องดื่มทั้งสองชนิดนี้ เครื่องดื่มใดมีประสิทธิภาพต่อตับมากกว่ากัน

ผลการวิจัย: ชาโดดเด่นกว่ากาแฟ

เพื่อหาคำตอบที่ชัดเจน นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยจี๋หลินได้ทำการศึกษาขนาดใหญ่ โดยรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจากผู้เข้าร่วม 26,729 คน ก่อนเริ่มวิจัย นักวิจัยได้ทำการวัดดัชนีสุขภาพตับ 3 ตัวชี้วัดสำคัญ ได้แก่ ปริมาณไขมันในตับ การสะสมของธาตุเหล็กในตับ (ซึ่งบ่งบอกถึงภาวะอักเสบ) และภาวะพังผืดหรือตับอักเสบ

ผลการวิจัยพบว่า ทั้งกาแฟและชาต่างมีส่วนช่วยลดการสะสมของไขมันและธาตุเหล็กในตับได้ อย่างไรก็ตาม กลุ่มที่ดื่มชา มีการปรับปรุงที่ดีขึ้นทั้ง 3 ตัวชี้วัดของสุขภาพตับ แสดงให้เห็นว่าประโยชน์ในการปกป้องตับของชานั้นโดดเด่นและมีประสิทธิภาพมากกว่ากาแฟอย่างชัดเจน

ประโยชน์ของชาที่เหนือกว่า

อ้างอิงจาก QQ News ผลวิจัยชี้ว่า ผู้ที่ดื่มชา 6 ถ้วยขึ้นไปต่อวัน มีความเสี่ยงในการเป็นตับอักเสบและตับแข็งลดลงประมาณ 43% ไม่เพียงเท่านั้น การบริโภคชายังช่วยลดอัตราการสะสมไขมันส่วนเกินในตับ ซึ่งเป็นสาเหตุของภาวะไขมันพอกตับ และยังช่วยป้องกันภาวะธาตุเหล็กส่วนเกินอีกด้วย

สิ่งที่น่าสนใจคือ ประโยชน์เหล่านี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับชนิดของชา ไม่ว่าจะเป็นชาดำ ชาเขียว หรือชาสมุนไพร ก็ให้ผลในการปรับปรุงการทำงานของตับได้ดีเช่นกัน ทีมวิจัยระบุว่าสรรพคุณในการปกป้องตับของชานั้นมาจากปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่สูง โดยเฉพาะสารแคทีชิน (Catechin)

สารต้านอนุมูลอิสระคือหัวใจสำคัญ

สารต้านอนุมูลอิสระในชาสามารถยับยั้งกระบวนการดูดซึมไขมันในตับ พร้อมทั้งช่วยต่อต้านการอักเสบ และปกป้องเซลล์ตับจากความเสียหายที่เกิดจากภาวะความเครียดออกซิเดชัน (Oxidative Stress) ในขณะเดียวกัน งานวิจัยยังเปิดเผยว่า แม้กาแฟจะมีประสิทธิภาพในการปกป้องตับน้อยกว่าชา แต่ก็ยังคงช่วยลดปริมาณไขมันส่วนเกินในตับได้ดี เพียงแต่อาจมีผลกระทบต่อภาวะการอักเสบในตับน้อยกว่า

 

ทางเลือกที่ดีที่สุด: การบริโภคแบบผสมผสาน

งานวิจัยยังค้นพบว่า การบริโภคทั้งชาและกาแฟร่วมกันในแต่ละวันมีผลกระทบที่ดีอย่างยิ่งต่อดัชนีสุขภาพตับ ผู้ที่ดื่มทั้งสองชนิดเป็นประจำทุกวันมีตัวชี้วัดสุขภาพตับที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด การเพิ่มเครื่องดื่มทั้งสองชนิดในอาหารประจำวันจึงอาจช่วยเพิ่มชั้นการป้องกันให้กับตับได้หลายระดับ ช่วยลดผลกระทบเชิงลบจากภาวะไขมันพอกตับ และช่วยให้ตับทำงานได้อย่างมีสุขภาพดีอยู่เสมอ

เครื่องดื่มที่เป็น \

เครื่องดื่มที่เป็น "ยาอายุวัฒนะ" ของคนญี่ปุ่น สารต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าชาเขียว 9 เท่า

เครื่องดื่มที่เป็น "ยาอายุวัฒนะ" ของคนญี่ปุ่น สารต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าชาเขียว 9 เท่า ซูเปอร์ฟู้ดที่ทั่วโลกยอมรับ

\

"มิ้นต์ ชาลิดา" เซอร์ไพรส์รับตำแหน่งว่าที่เจ้าสาวคนต่อไป จากงานแต่ง "ใหม่-เต๋อ"

มิ้นต์ ชาลิดา ว่าที่เจ้าสาวคนต่อไป หลังรับช่อดอกไม้จากเจ้าสาวป้ายแดง ใหม่ ดาวิกา ภาพน่ารักมาก

\

"ถ้วยชาญี่ปุ่น" ทำไมไม่มีหูจับ? เปิดเหตุผลลึกซึ้ง การดื่มชาที่ไม่ใช่แค่ชงแล้วดื่ม

เคยสังเกตไหม "ถ้วยชาญี่ปุ่น" ทำไมไม่มีหูจับ? เปิดเหตุผลลึกซึ้ง เสน่ห์แห่งวัฒนธรรม การดื่มชาที่ไม่ใช่แค่ชงแล้วดื่ม

ชาเลนจ์สุดปั่นของหนุ่มๆ \

ชาเลนจ์สุดปั่นของหนุ่มๆ "No Nut November" มันคืออะไร?

วนมาอีกรอบสำหรับเดือนพฤศจิกายน ซึ่งในโลกออนไลน์จะมาพร้อมกับคำว่า No Nut November (โน นัต โนเวมเบอร์) ว่าแต่ว่ามันคืออะไร? เราไปหาคำตอบกันเลย