โรคหัวใจ-สโตรก อาจถามหา! หากมี "นิสัยการนอน" แบบนี้ หมอเตือนให้เปลี่ยนด่วน
งานวิจัยชิ้นใหม่เผยว่า พฤติกรรมการนอนตอนกลางคืนแบบหนึ่ง อาจทำให้ความเสี่ยงภาวะหัวใจล้มเหลวพุ่งสูงถึง 56% และเพิ่มความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) ถึง 28%
ผู้เชี่ยวชาญหลายคนแนะนำว่า การปิดไฟเมื่อเข้านอนเป็นสิ่งที่ควรทำเพื่อให้หลับได้ลึกขึ้น อย่างไรก็ตาม งานวิจัยใหม่ที่ตีพิมพ์ในวารสาร JAMA Network Open ชี้ว่า การปิดไฟนอนยังมีประโยชน์สำคัญอีกประการหนึ่ง นั่นคือการลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดสมอง
ระดับแสงสว่างขณะนอนหลับ กับความเสี่ยงโรคหัวใจ
ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฟลินเดอร์ส ออสเตรเลีย เปิดเผยว่า ผู้ที่นอนหลับในสภาวะที่มีแสงสว่างจ้าที่สุด ซึ่งเทียบเท่ากับการเปิดไฟเพดานทิ้งไว้ทั้งคืน มีความเสี่ยงภาวะหัวใจล้มเหลวสูงขึ้น 56%, โรคหลอดเลือดหัวใจสูงขึ้น 32% และโรคหลอดเลือดสมองสูงขึ้น 28% เมื่อเทียบกับผู้ที่นอนในความมืด
ในการศึกษานี้ ผู้เข้าร่วมเกือบ 89,000 คน ได้สวมอุปกรณ์ติดตามความเข้มของแสงตั้งแต่เวลา 00:30 น. ถึง 06:00 น. เป็นเวลาหลายปี ข้อมูลนี้ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์สามารถประเมินความเชื่อมโยงระยะยาวระหว่างการสัมผัสแสงขณะนอนหลับและความเสี่ยงโรคหัวใจ ผลการวิจัยชี้ว่าแสงสว่างยามค่ำคืนสามารถ "รบกวน" นาฬิกาชีวภาพของร่างกายได้
แสงสว่างเป็นปัจจัยสำคัญที่ควบคุมจังหวะชีวิต (Circadian rhythm) ซึ่งช่วยให้ร่างกายแยกแยะกลางวันและกลางคืนได้ เมื่อเราสัมผัสแสงสว่างในตอนกลางคืน สมองจะถูกยับยั้งการผลิตเมลาโทนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยในการนอนหลับและควบคุมการทำงานหลายอย่างของระบบหัวใจและหลอดเลือด
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า การหยุดชะงักนี้อาจทำให้ความดันโลหิตผิดปกติ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อเซลล์เยื่อบุผนังหลอดเลือด เพิ่มการอักเสบ และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดลิ่มเลือด ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่นำไปสู่โรคหลอดเลือดสมองและโรคหัวใจ

ดร.ฮูลิโอ เฟอร์นันเดซ-เมนโดซา ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและรักษาการนอนหลับ จาก Penn State Health สหรัฐอเมริกา กล่าวว่า "ร่างกายอาจตอบสนองต่อแสงสว่างยามค่ำคืนในฐานะปัจจัยกระตุ้นความเครียด ทำให้อัตราการเต้นของหัวใจ ฮอร์โมนความเครียด ระดับน้ำตาลในเลือด และอินซูลินอาจเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้หัวใจต้องทำงานหนักขึ้น"
ผลการศึกษานี้ยังชี้ว่า ผู้หญิงมีความเสี่ยงสูงต่อภาวะหัวใจล้มเหลวและโรคหลอดเลือดหัวใจมากกว่า ในขณะที่คนอายุน้อยกลับเสี่ยงต่อภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ เช่น ภาวะหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว (Atrial fibrillation) ผู้ที่นอนในที่สว่างจ้ายังมีโอกาสเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันสูงขึ้น 47% โดยความเชื่อมโยงเหล่านี้ยังคงอยู่ แม้จะคำนึงถึงปัจจัยอื่นๆ เช่น การสูบบุหรี่ การรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย หรือการทำงานกะดึกแล้วก็ตาม
นอกจากนี้ งานวิจัยยังค้นพบข้อเท็จจริงที่น่าสนใจว่า การสัมผัสแสงสว่างจ้าในตอนกลางวัน โดยเฉพาะในตอนเช้าหลังตื่นนอน กลับเป็นประโยชน์อย่างมากต่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด

ทำอย่างไรเพื่อลดผลกระทบของแสงสว่างขณะนอนหลับ?
ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า การลดการสัมผัสแสงสว่างยามค่ำคืนควรเริ่มต้นจากพฤติกรรมเล็กๆ น้อยๆ ดังนี้:
- หรี่ไฟหรือปิดไฟบางดวงในบ้านล่วงหน้า 3-4 ชั่วโมงก่อนนอน
- จำกัดการใช้โทรศัพท์ โทรทัศน์ หรือคอมพิวเตอร์ก่อนเข้านอน
- ใช้โคมไฟแสงสีส้ม (Warm light) หรือไฟสลัว แทนไฟเพดานที่สว่างจ้า
- หลีกเลี่ยงนาฬิกาปลุกที่มีแสงสว่างจ้า หรือการตั้งเตียงนอนใกล้หน้าต่าง
- อาจใช้ผ้าม่านทึบแสง หรือผ้าปิดตาสำหรับนอน เพื่อให้ห้องมืดสนิท
การนอนหลับไม่ได้เป็นเพียงการพักผ่อน แต่ยังเป็น "ช่วงเวลาบำรุงรักษา" ที่สำคัญของระบบหัวใจและหลอดเลือด การนอนหลับในความมืดสนิทไม่เพียงช่วยให้คุณหลับง่ายขึ้น แต่ยังสามารถปกป้องหัวใจของคุณจากอันตรายที่มองไม่เห็นได้อีกด้วย