เนื้อหาในหมวด ข่าว

ปวดหัวมีกี่แบบ? แบบไหนอันตรายที่สุด สาเหตุมาจากอะไร หมอเตือนอย่าชะล่าใจ

ปวดหัวมีกี่แบบ? แบบไหนอันตรายที่สุด สาเหตุมาจากอะไร หมอเตือนอย่าชะล่าใจ

ปวดหัวมีกี่แบบ? แบบไหนอันตรายที่สุด สาเหตุมาจากอะไร หมอเตือนอย่าชะล่าใจ อาจไม่ใช่แค่ไมเกรน

อาการปวดศีรษะ เป็นอาการที่เกือบทุกคนเคยพบเจอ และหลายคนอาจคิดว่าเป็นเพียงอาการทั่วไปที่เกิดจากความเครียดและความเหนื่อยล้าเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว ปวดศีรษะถือเป็นโรคชนิดหนึ่งที่มีความหลากหลายและสามารถนำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงได้ ผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยาระบุว่า อาการปวดศีรษะอาจเป็นสัญญาณของโรคร้ายแรงถึงชีวิต เช่น เนื้องอกในสมอง, โรคหลอดเลือดสมอง, หรือภาวะหลอดเลือดโป่งพองในสมอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด

จากสถิติทางคลินิกพบว่า สาเหตุที่ประชาชนมาพบแพทย์ด้วยอาการปวดศีรษะบ่อยครั้ง คืออาการปวดที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงฉับพลันทั้งที่ไม่เคยปวดมาก่อน หรืออาการปวดที่มีอยู่แล้วแต่แย่ลงอย่างผิดปกติ นอกจากนี้ยังมีผู้ป่วยที่มีอาการปวดศีรษะเรื้อรังและกังวลว่าอาจเป็นโรคร้ายแรงทางสมอง จึงต้องการทราบสาเหตุที่แท้จริง นายแพทย์ชิว เหมิงฉี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยา ได้ชี้แจงว่า ความเจ็บปวดไม่ได้เกิดจากสมองโดยตรง แต่เกิดจากการกระตุ้นเยื่อหุ้มสมอง, หลอดเลือด, หรือเส้นประสาทรอบสมอง

การแบ่งประเภทของอาการปวดศีรษะ

สาเหตุของอาการปวดศีรษะมีความหลากหลายมาก โดยสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ตามคำนิยามของสมาคมปวดศีรษะนานาชาติ (International Headache Society) ได้แก่ การปวดศีรษะแบบปฐมภูมิ และ การปวดศีรษะแบบทุติยภูมิ ซึ่งมีรายละเอียดแตกต่างกัน ดังนี้

ปวดศีรษะแบบปฐมภูมิ (Primary Headache) : ชนิดที่ไม่พบสาเหตุชัดเจน

เป็นการปวดศีรษะที่ไม่พบความผิดปกติของโครงสร้างหรือโรคอื่น ๆ ที่เป็นสาเหตุ โดยพบได้มากกว่าร้อยละ 99 ของผู้ป่วย ปวดศีรษะประเภทนี้มักเป็น ๆ หาย ๆ และอาจเป็นปัญหาเรื้อรังตลอดชีวิต ประเภทที่พบบ่อยที่สุด ได้แก่ ไมเกรน และ ปวดศีรษะจากความตึงเครียด (Tension-type Headache)  

  • ไมเกรน (Migraine): เป็นชนิดที่พบบ่อยที่สุด มีลักษณะปวดรุนแรงแบบตุ้บ ๆ ที่ศีรษะข้างเดียวหรือสองข้าง อาจมีอาการร่วม เช่น คลื่นไส้, อาเจียน, กลัวแสง, หรือกลัวเสียง อาการมักคงอยู่ 4 ถึง 72 ชั่วโมง และมักพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
  •   
  • ปวดศีรษะจากความตึงเครียด: มักมีสาเหตุจากความเครียด, ความเหนื่อยล้า, หรือท่าทางที่ไม่ถูกต้อง โดยจะรู้สึกตึงหรือถูกกดทับบริเวณศีรษะสองข้าง ความปวดไม่รุนแรงถึงปานกลาง และไม่ค่อยมีอาการคลื่นไส้ร่วมด้วย
  •   
  • ปวดศีรษะแบบ Trigeminal Autonomic Cephalalgias (TACs): ชนิดที่พบบ่อยคือ ปวดศีรษะคลัสเตอร์ (Cluster Headache) มีลักษณะปวดศีรษะข้างเดียวอย่างรุนแรงบริเวณรอบดวงตาและขมับ มักมีอาการทางระบบประสาทอัตโนมัติร่วมด้วย เช่น ตาแดง, น้ำตาไหล, คัดจมูก

ปวดศีรษะแบบทุติยภูมิ (Secondary Headache) : สัญญาณเตือนโรคร้าย

เป็นการปวดศีรษะที่มีสาเหตุมาจากความผิดปกติของโครงสร้างศีรษะ, การบาดเจ็บ, การติดเชื้อ, การอักเสบ, หรือโรคอื่น ๆ โรคในกลุ่มนี้มีความจำเป็นต้องได้รับการวินิจฉัยและรักษาโดยเร็ว เพื่อป้องกันผลกระทบร้ายแรง ตัวอย่างสาเหตุที่อันตราย ได้แก่ เนื้องอกในสมอง, เลือดออกในสมอง, โรคหลอดเลือดสมอง, การติดเชื้อในระบบประสาท (เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบ) หรือ ความผิดปกติของหลอดเลือด

ปัจจัยภายนอก รอบๆ ศีรษะ เช่น ต้อหิน ไซนัสอักเสบ ข้อต่อกรามอักเสบ ก็จะทำให้ปวดหัวตามมา

ปวดศีรษะจากสาเหตุอื่นๆ

  • อาการปวดเส้นประสาทท้ายทอย (Occipital neuralgia) เกิดจากเส้นประสาทท้ายทอยอักเสบหรือถูกกดทับ ทำให้เกิดอาการปวดแปลบๆ หรือปวดจี๊ดๆ ที่ท้ายทอย อาจลามไปถึงด้านบนและด้านข้างของศีรษะหลังใบหู มีลักษณะปวดอาจเป็นข้างเดียวหรือทั้งสองข้างก็ได้ สาเหตุอาจมาจากหลายอย่าง เช่น กล้ามเนื้อตึง การกดทับจากโรคข้อเสื่อม หรือการบาดเจ็บ การดูแลเบื้องต้นทำได้โดยการประคบร้อน นวดเบาๆ หรือยืดกล้ามเนื้อคอ หากอาการรุนแรงขึ้นหรือไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม 

  • อาการปวดเส้นประสาทสมองคู่ที่ 5 (Trigeminal neuralgia) คืออาการปวดใบหน้าอย่างรุนแรงเป็นช่วงๆ โดยมักมีอาการปวดแปลบเหมือนถูกไฟช็อตหรือเข็มแทง เกิดจากเส้นประสาทสมองคู่ที่ 5 ถูกกดทับ ซึ่งอาจมีสาเหตุจากการกดเบียดของเส้นเลือดในสมอง เนื้องอก หรือการอักเสบจากโรคอื่น การรักษาหลักคือการใช้ยา แต่หากไม่ได้ผล อาจพิจารณาการรักษาอื่นๆ เพิ่มเติม 

  • อาการปวดหัวจากโรคเส้นประสาทตาอักเสบ (optic neuritis) 

 

อาการปวดศีรษะแบบไหนที่ถือว่าอันตรายที่สุด

แม้ว่าอาการปวดศีรษะส่วนใหญ่จะไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่มีสัญญาณอันตรายที่บ่งชี้ว่าควรพบแพทย์โดยด่วน เพราะอาจเกี่ยวข้องกับปวดศีรษะแบบทุติยภูมิที่มีสาเหตุร้ายแรง ดังนี้  

อาการปวดศีรษะบางประเภทอาจบ่งบอกถึงโรคร้ายแรงที่ต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน หากมีอาการดังต่อไปนี้ ควรปรึกษาแพทย์ทันที:

  • ปวดศีรษะอย่างรุนแรงและฉับพลัน
    อาการปวดหัวที่เกิดขึ้นทันทีทันใด และมีความรุนแรงมากจนไม่สามารถทนได้ อาจเป็นสัญญาณของ โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) หรือ การแตกของหลอดเลือดในสมอง (Brain Aneurysm) ซึ่งเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตหรือลมชัก

  • ปวดศีรษะที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
    หากมีการปวดหัวที่ไม่เคยเกิดมาก่อน และมีอาการรุนแรงหรือไม่หายไปในเวลาอันสั้น อาจเป็นสัญญาณของ เนื้องอกในสมอง หรือ การติดเชื้อในสมอง เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบ

  • ปวดศีรษะพร้อมกับอาการอื่นๆ
    เช่น อาเจียน, เวียนหัว, การมองเห็นผิดปกติ, ปวดตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย, หรือ สูญเสียการทรงตัว อาจบ่งบอกถึงภาวะ หลอดเลือดสมองตีบ หรือ การติดเชื้อในสมอง ที่ต้องได้รับการรักษาทันที

  • ปวดศีรษะหลังจากการบาดเจ็บที่ศีรษะ
    หากปวดหัวหลังจากที่ได้รับการกระแทกหรือบาดเจ็บที่ศีรษะ อาจเป็นสัญญาณของ การบาดเจ็บที่สมอง หรือ การมีเลือดออกในสมอง

  • ปวดศีรษะที่มีอาการร่วมกับไข้สูงหรือคอแข็ง
    หากปวดหัวร่วมกับอาการไข้สูง คอแข็ง และอ่อนแรง อาจเป็นสัญญาณของ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ หรือ การติดเชื้อในสมอง

  • สรุปแนวทางการรักษาอาการปวดศีรษะ

    การรักษาอาการปวดศีรษะแบบปฐมภูมิมักใช้ยาเพื่อบรรเทาอาการเฉียบพลัน หรือการรักษาแบบป้องกัน เช่น ยาต้านเศร้า, ยากันชัก, หรือยาฉีด CGRP Monoclonal Antibody

    นอกจากนี้ การฝึกเทคนิคการผ่อนคลาย เช่น โยคะ หรือการทำสมาธิ ก็สามารถช่วยลดอาการปวดศีรษะจากความตึงเครียดได้

    สำหรับอาการปวดศีรษะแบบทุติยภูมิ การรักษาจะมุ่งเน้นที่การแก้ไขสาเหตุที่แท้จริงของโรค เช่น การผ่าตัดเนื้องอกในสมอง หรือการรักษาโรคหลอดเลือดสมอง ดังนั้น หากมีอาการปวดศีรษะรุนแรงหรือมีสัญญาณอันตรายร่วมด้วย ควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยาเพื่อวินิจฉัยและรับการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสม

    2 หนุ่มใจกล้าคอสเพลย์จนตำรวจยังปวดหัว รีบคุมตัว สอบไปมา พีกอีก เมื่อรู้ตัวจริง!

    2 หนุ่มใจกล้าคอสเพลย์จนตำรวจยังปวดหัว รีบคุมตัว สอบไปมา พีกอีก เมื่อรู้ตัวจริง!

    'เจ้าสำนักข่าวดัง' คอสเพลย์สยิวเดินกลางโตเกียว โดนจับตร.เรียกผู้บริหารรับทราบ เจ้าตัวเฉลย ผมเอง!

    สาวปวดหัว ตื่นมาความทรงจำหายไป 5 ปี ลืมแม้แต่แฟน อาการป่วยที่ไม่ได้มีแต่ในละคร

    สาวปวดหัว ตื่นมาความทรงจำหายไป 5 ปี ลืมแม้แต่แฟน อาการป่วยที่ไม่ได้มีแต่ในละคร

    สาวปวดหัวไม่หาย ตื่นมาความทรงจำหายไป 5 ปี ลืมเหตุการณ์ในชีวิต ลืมแม้แต่แฟน อาการป่วยที่ไม่ได้มีแต่ในละคร

    หนุ่มท้องอืด-ปวดหัวเรื้อรัง เปลี่ยนมาดื่มสิ่งนี้แทน \

    หนุ่มท้องอืด-ปวดหัวเรื้อรัง เปลี่ยนมาดื่มสิ่งนี้แทน "กาแฟ" 1 เดือน ได้ผลลัพธ์เกินคาด

    นักข่าวหนุ่ม ท้องอืด-ปวดหัวเรื้อรัง ดื่มสิ่งนี้แทน "กาแฟ" เป็นเวลา 1 เดือน ได้รับผลลัพธ์ที่น่าประหลาดใจ

    \

    "พี่หน่วง" เผยได้คุยกับ "มายด์ พัชรบุษย์" แล้ว ฟังเรื่องราวแล้ว ก็ต้องบอกว่า "ปวดหัว"

    "หนุ่ม กรรชัย" แย้ม "มายด์" เตรียมแจงพรุ่งนี้ ลั่น "เรื่องนี้ปวดหัวมาก" ฟอกไม่ฟอก เดี๋ยวก็รู้