ย้อนชมภาพ "กรมพระจันทบุรีนฤนาถ" เจ้าชายรูปงามแห่งสยาม ผู้เป็นต้นราชสกุล "กิติยากร"
ย้อนชมพระสิริโฉม “กรมพระจันทบุรีนฤนาถ” พระราชโอรสผู้เป็นต้นราชสกุล “กิติยากร” สง่างามเหนือกาลเวลา
ภาพถ่ายหายากของ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระจันทบุรีนฤนาถ กำลังถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง ด้วยพระสิริโฉมที่สง่างามเหนือกาลเวลา พร้อมพระประวัติสำคัญของพระองค์ในฐานะผู้เป็นต้นราชสกุล “กิติยากร” และพระโอรสผู้มีบทบาทสำคัญต่อประเทศไทยในยุคปฏิรูป
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระจันทบุรีนฤนาถ กำลังกลับมาเป็นที่กล่าวถึงอย่างกว้างขวางในโลกออนไลน์จากภาพถ่ายเก่าที่เผยให้เห็นพระสิริโฉมอันคมคาย สง่างาม และมีเสน่ห์เหนือกาลเวลา จนชาวเน็ตจำนวนมากยกให้เป็นหนึ่งใน “วิชวลราชวงศ์จักรี” ที่ทั้งหล่อเหลาและเปี่ยมบุคลิกภาพแบบสุภาพบุรุษยุโรปในยุคนั้น
นอกเหนือจากพระสิริโฉมแล้ว พระองค์ยังทรงเป็นบุคคลสำคัญยิ่งในประวัติศาสตร์ไทย ทั้งในฐานะ ต้นราชสกุล “กิติยากร” และในบทบาทเสนาบดีสำคัญในยุคปฏิรูปประเทศ บทความนี้ชวนผู้อ่านย้อนชมทั้งภาพลักษณ์และพระประวัติของพระองค์ผ่านมุมมองทั้งประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมร่วมสมัย
ต้นกำเนิดและเชื้อสายของพระองค์
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระจันทบุรีนฤนาถ มีพระนามเดิมว่า พระองค์เจ้ากิติยากรวรลักษณ์ ทรงเป็นพระราชโอรสลำดับที่ 12 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ประสูติแต่ เจ้าจอมมารดาอ่วม ธิดาของคหบดีเชื้อสายจีนผู้มั่งคั่ง จึงนับเป็นพระราชโอรสที่มีเชื้อสายผสมผสานระหว่างราชสกุลฝ่ายพระบิดาและสายคหบดีชาวจีนฝ่ายพระมารดา
แหล่งข้อมูลทางการจากเว็บไซต์ของกระทรวงการคลัง ซึ่งจัดทำประวัติของเสนาบดีสำคัญในอดีต ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าพระองค์ทรงประสูติเมื่อ วันจันทร์ เดือน 7 ปีจอ รายละเอียดนี้ไม่เพียงเป็นข้อมูลทางประวัติศาสตร์เท่านั้น แต่ยังเชื่อมโยงกับคำกล่าวเล่าขานในเวลาต่อมาที่ใช้บรรยายอัตลักษณ์ของพระองค์อย่างน่าสนใจ
คำกล่าวเล่าขานสะท้อนอัตลักษณ์ “ลูกพระจุล หลานพระจอม”
ในเอกสารของหน่วยงานรัฐเดียวกัน มีการอ้างถึงคำกล่าวที่ใช้บรรยายพระชาติกำเนิดของพระองค์ว่า “ลูกพระจุล หลานพระจอม ตัวเป็นเจ้า ตาเป็นเจ๊ก” โดยคำกล่าวนี้สัมพันธ์กับข้อเท็จจริงที่ว่าพระองค์ทรงเป็น พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) และทรงเป็น พระนัดดาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) ขณะเดียวกันฝ่ายพระมารดายังมีเชื้อสายจีนจากตระกูลพ่อค้า
แม้ถ้อยคำดังกล่าวจะมีสำเนียงแบบภาษาชาวบ้านในยุคนั้น แต่ก็สะท้อนมุมมองของสังคมต่อพระองค์ในฐานะตัวแทนของการผสมผสานทางเชื้อสายและวัฒนธรรม ทั้งจากสายราชสกุลและสายคหบดีชาวจีนในสยามยุคปฏิรูป จึงกลายเป็นหนึ่งในเกร็ดประวัติที่ถูกยกมาพูดถึงบ่อยครั้งเมื่อกล่าวถึงพระชาติกำเนิดของพระองค์
พระองค์ผู้สถาปนาต้นราชสกุล “กิติยากร”
พระองค์เจ้ากิติยากรวรลักษณ์ทรงได้รับพระราชทานพระนามบางส่วนมาใช้เป็นชื่อราชสกุลคือ “กิติยากร” สำหรับพระโอรสธิดาและผู้สืบสาย จากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) การสถาปนาราชสกุลนี้สะท้อนถึงพระเกียรติคุณและบทบาทของพระองค์ในราชสำนักสยามยุคใหม่
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ราชสกุลกิติยากรได้ให้กำเนิดบุคคลสำคัญจำนวนมากซึ่งทำคุณประโยชน์แก่ประเทศ ทั้งในด้านราชการ การทูต การศึกษา และงานด้านสาธารณะ จึงไม่น่าแปลกใจที่ราชสกุลนี้จะได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางในฐานะหนึ่งในราชสกุลสำคัญของไทย
ความสัมพันธ์เชื่อมโยงสู่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
ราชสกุล “กิติยากร” ยังมีความสำคัญยิ่งในประวัติศาสตร์ร่วมสมัยของไทย ผ่านสายสกุลของ หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร พระธิดาใน พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า ณัฏฐกิตติ์ กิติยากร ซึ่งเป็นพระโอรสของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระจันทบุรีนฤนาถ
ภายหลังหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร ได้อภิเษกสมรสกับพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช รัชกาลที่ 9 และทรงดำรงพระอิสริยยศเป็น สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ก่อนจะได้รับพระราชทานพระอิสริยศักดิ์เป็น สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในเวลาต่อมา ทำให้ราชสกุลกิติยากรมีความผูกพันอย่างลึกซึ้งกับราชวงศ์จักรีและประวัติศาสตร์ไทยยุคใหม่
ด้วยสายสกุลที่เชื่อมโยงจากพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระจันทบุรีนฤนาถ มาถึงสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ราชสกุลกิติยากรจึงได้รับการจดจำไม่เพียงในฐานะราชสกุลเก่าแก่เท่านั้น แต่ยังในฐานะราชสกุลที่มีบทบาทสำคัญทั้งทางประวัติศาสตร์ การเมือง การปกครอง และพระราชประวัติขององค์พระบรมราชินีแห่งแผ่นดิน
บทบาทด้านการศึกษาและการบริหารประเทศ
ในด้านการศึกษา พระองค์ถือเป็นหนึ่งในพระราชโอรสยุคแรก ๆ ที่เสด็จไปศึกษาต่อในต่างประเทศ ทรงสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด ในสาขาบูรพคดีศึกษา การศึกษาในต่างแดนนี้ทำให้พระองค์มีมุมมองกว้างไกลและพร้อมนำแนวคิดสมัยใหม่กลับมาประยุกต์ใช้กับสยามในยุคเปลี่ยนผ่าน
เมื่อเสด็จกลับสู่สยาม พระองค์ทรงเข้ารับราชการและดำรงตำแหน่งสำคัญหลายตำแหน่ง อาทิ เสนาบดีกระทรวงพระคลังมหาสมบัติ และทรงเป็น เสนาบดีกระทรวงพาณิชย์พระองค์แรก สะท้อนถึงพระปรีชาสามารถด้านเศรษฐกิจ การคลัง และการวางรากฐานระบบพาณิชย์สมัยใหม่ให้แก่ประเทศในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการปฏิรูปประเทศ
พระสิริโฉมและบุคลิกอันสง่างามเหนือกาลเวลา
กระแสพูดถึงในโลกออนไลน์ทำให้ภาพถ่ายเก่าของพระองค์เจ้ากิติยากรวรลักษณ์ถูกหยิบยกขึ้นมาอีกครั้ง หลายคนชื่นชมพระสิริโฉมอันคมคาย บุคลิกสง่างาม และสไตล์การแต่งพระองค์ตามแบบสุภาพบุรุษยุโรปในยุคนั้น จนมีการกล่าวถึงพระองค์ในเชิงชื่นชมว่าเป็นหนึ่งใน “วิชวลราชวงศ์จักรี” ที่โดดเด่นด้านรูปลักษณ์และบุคลิกภาพ
แม้ภาพถ่ายเหล่านี้จะเป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของเรื่องราว แต่เมื่อมองควบคู่กับพระประวัติด้านการศึกษา การบริหารราชการแผ่นดิน และบทบาทในฐานะต้นราชสกุลกิติยากร ก็ยิ่งทำให้เห็นภาพของพระองค์ในฐานะ “เจ้าชายสยามยุคใหม่” ผู้ผสานทั้งพระสิริโฉม พระปรีชาสามารถ และสายสัมพันธ์เชิงประวัติศาสตร์ที่เชื่อมโยงอดีตกับปัจจุบันเข้าไว้ด้วยกันอย่างงดงาม
- ใครเปลี่ยนชื่อ "กรุงเทพ" จาก "บางกอก" ย้อนการปรับปรุงนามเมืองหลวง ในแต่ละรัชกาล
- "นางร้องไห้" คืออะไร? ธรรมเนียมโบราณที่ ร.6 ทรงสั่งยกเลิก ด้วยเหตุผล "รกหูเสียจริง"
