เนื้อหาในหมวด ข่าว

ปกติ “งูเข้าบ้าน” ตอนกลางวันหรือกลางคืน? รู้ไว้แต่เนิ่นๆ จะได้ไม่เสียใจเมื่อสายไป!

ปกติ “งูเข้าบ้าน” ตอนกลางวันหรือกลางคืน? รู้ไว้แต่เนิ่นๆ จะได้ไม่เสียใจเมื่อสายไป!

งูเข้าบ้านตอน "กลางวัน" หรือ "กลางคืน"? พฤติกรรมที่ต้องรู้เพื่อความปลอดภัย!

งูเป็นสัตว์เลื้อยคลานที่สร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้คนจำนวนมากเมื่อปรากฏตัวในบริเวณที่อยู่อาศัย คำถามที่หลายครอบครัวกังวลคือ งูมักจะเลื้อยเข้าบ้านในเวลากลางคืนหรือกลางวันกันแน่ โดยเฉพาะครอบครัวที่อยู่ใกล้แหล่งน้ำ พุ่มไม้ หรือในช่วงฤดูฝน อันที่จริง งูสามารถปรากฏตัวได้ทุกเมื่อ แต่ช่วงเวลาที่แตกต่างกันก็มีเหตุผลและระดับความอันตรายที่ไม่เหมือนกัน

การทำความเข้าใจพฤติกรรมของงูจะช่วยให้คุณสามารถป้องกันและหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

งูจะเคลื่อนไหวและเข้าบ้านได้ง่ายที่สุดในเวลากลางคืน

สำหรับงูส่วนใหญ่ พวกมันจะ "ตื่นตัว" มากที่สุดในเวลากลางคืน เมื่ออุณหภูมิภายนอกลดลง งูจะเริ่มออกล่าและเคลื่อนไหวมากขึ้นตามสัญชาตญาณ เหยื่อของงูส่วนใหญ่ เช่น หนู กบ คางคก หรือแมลง ต่างก็ออกหากินในเวลากลางคืนเช่นกัน ทำให้งูสามารถเข้าใกล้บริเวณที่อยู่อาศัยได้ง่าย โดยเฉพาะบ้านที่มีเศษอาหารเหลือ, โกดังที่มืด, มุมครัวที่ชื้น, หรือที่ที่เหมาะสำหรับเป็นแหล่งที่อยู่ของหนู

เวลากลางคืนยังเป็นช่วงที่ผู้คนมักจะลืมปิดประตูหลังจากออกไปข้างนอก เปิดไฟทิ้งไว้ หรือเปิดหน้าต่างเพราะอากาศร้อน แสงสว่างและความอบอุ่นจากภายในบ้านอาจดึงดูดหนูและแมลงให้เข้ามาโดยไม่ได้ตั้งใจ และเมื่อเหยื่อเข้ามา งูก็จะแอบตามเข้ามาเช่นกัน นี่จึงเป็นเหตุผลที่หลายครอบครัวมักพบงูในขณะที่กำลังดูทีวี เตรียมตัวเข้านอน หรือเข้าห้องน้ำ

ในพื้นที่ใกล้แม่น้ำ ทุ่งนา หรือพื้นที่ก่อสร้าง จำนวนงูที่ปรากฏตัวในเวลากลางคืนจะยิ่งสูงขึ้นไปอีก เมื่อที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติของพวกมันถูกรบกวน งูมักจะหาที่หลบภัยชั่วคราว และบ้านเรือนก็เป็นทางเลือกที่ง่ายที่สุด เพราะมีช่องว่าง ท่อระบายน้ำ หรือโพรงใต้พื้นให้หลบซ่อน

อันตรายในช่วงกลางวัน โดยเฉพาะในฤดูร้อน

การพบงูเข้าบ้านในเวลากลางวันอาจจะไม่บ่อยเท่าเวลากลางคืน แต่ก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะงูบางชนิดที่ชอบออกหากินในตอนเช้า เช่น งูหางกระดิ่ง งูเห่า และงูน้ำ มักจะหาที่ร่มเพื่อหลีกเลี่ยงแสงแดดจัด หากบ้านมีสนามหญ้าปูนซีเมนต์ที่ร้อนจัด บริเวณที่ร่มต่างๆ เช่น ใต้ตู้ หลังม่าน ใต้รถ หรือหลังกระถางต้นไม้ จึงกลายเป็นที่หลบภัยที่เหมาะสมที่สุด

นอกจากนี้ เวลากลางวันยังเป็นช่วงเวลาที่งูพยายามซ่อนตัวเมื่อถูกสุนัข แมว หรือมนุษย์ไล่ล่า พวกมันอาจเลื้อยหนีเข้าไปในบริเวณใกล้เคียง ซึ่งบ้านเรือนจะถูกบุกรุกได้ง่ายที่สุดหากมีการเปิดประตูทิ้งไว้ โดยเฉพาะในฤดูฝน น้ำที่เพิ่มสูงขึ้นจะทำให้งูต้องไปหาที่ที่แห้งกว่า ในเวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน งูก็จะหาทางเข้าไปได้ตราบใดที่มีช่องว่างให้ลอดผ่าน

แม้ว่าจะพบได้น้อยกว่า แต่งูที่เข้ามาในบ้านในช่วงกลางวันก็ยังคงอันตราย เพราะผู้คนมักไม่ค่อยระมัดระวังตัว พื้นที่เช่น ชั้นวางรองเท้า มุมห้อง ห้องเก็บของ หรือกระถางต้นไม้ตกแต่ง จึงเป็นเส้นทางซ่อนตัวของงูได้ง่าย

3 ช่วงเวลาที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ

งูมักจะไม่ปรากฏตัวตามธรรมชาติ เว้นแต่สภาพแวดล้อมจะดึงดูดพวกมัน มีสามช่วงเวลาที่มีความเสี่ยงสูงที่ทุกครอบครัวควรตระหนักไว้เพื่อความปลอดภัย:

  • ช่วงฤดูฝน: เมื่อท่อระบายน้ำเต็มไปด้วยน้ำ งูจะสูญเสียที่หลบภัยและต้องอพยพเข้าใกล้เขตที่อยู่อาศัยมากขึ้น วันที่มีฝนตกหนักจึงมักเป็นวันที่พบงูเข้าบ้านมากที่สุด

  • อยู่ใกล้แหล่งอาหารของหนู: เมื่อบ้านอยู่ใกล้ที่ดินรกร้าง โกดัง ลานวัสดุก่อสร้าง หรือฟาร์ม ซึ่งเป็นที่ที่หนูขยายพันธุ์ได้เร็วมาก และที่ไหนที่มีหนูเยอะ งูก็จะตามมาในไม่ช้า

  • สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงฉับพลัน: ในช่วงที่ฤดูกาลเปลี่ยน หรือมีคลื่นความร้อน งูจำเป็นต้องควบคุมอุณหภูมิร่างกาย จึงจะหาที่เย็น อุ่น หรือแห้ง ขึ้นอยู่กับช่วงเวลา และสามารถแอบเข้าไปในบ้านได้ง่าย

  • วิธีจำกัดไม่ให้งูเข้าบ้านอย่างได้ผล

    แม้ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่จะป้องกันไม่ให้งูปรากฏตัวในพื้นที่ใกล้เคียงอย่างสมบูรณ์ แต่ก็มีวิธีง่ายๆ ที่จะช่วยลดความเสี่ยงที่งูจะเข้ามาในบ้านของคุณได้หลายวิธี:

    • รักษาความสะอาด: รักษาบ้านให้เป็นระเบียบเรียบร้อย โดยเฉพาะงูที่ชอบที่มืด ชื้น และมีของรก หากมีสวนหรือกระถางต้นไม้ ควรตัดแต่งเป็นประจำเพื่อไม่ให้เกิดพุ่มไม้หนา

    • ปิดช่องโหว่: ปิดประตูให้สนิท โดยเฉพาะประตูหลัง ประตูห้องครัว และช่องระบายอากาศต่ำ งูหลายชนิดเข้าบ้านผ่านรอยแตกที่มีความสูงเพียงไม่กี่เซนติเมตร ควรติดตั้งมุ้งลวดในท่อน้ำ และทำความสะอาดท่อระบายน้ำเป็นประจำ

    • ควบคุมหนู: การควบคุมจำนวนหนูเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเมื่อมีหนูน้อย งูจึงไม่ค่อยเข้ามาใกล้ สามารถใช้กับดักหรือสารขับไล่ตามธรรมชาติ เช่น สะระแหน่ ตะไคร้ หรือการบูร ได้

    สุดท้ายนี้ หากคุณบังเอิญพบงูในบ้าน สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องรักษาระยะห่าง อย่าไล่มันจนมุม และอย่าพยายามจับมันด้วยตนเอง สิ่งที่ดีที่สุดคือปิดประตูและกั้นพื้นที่ จากนั้นจึงโทรเรียกทีมกู้ภัยหรืองูผู้เชี่ยวชาญมาจัดการ

     

    อย่ารอให้ \

    อย่ารอให้ "งูเข้าบ้าน" เช็กจุดเสี่ยงเหล่านี้ ทั้งบ้าน และ คอนโด ถ้าไม่อยากเจองูโผล่

    งูเข้าบ้าน งูโผล่ชักโครก งูโผล่จากฝ้า คำถามคือ งูมักจะเข้าจากทางไหน เช็กบ้านของคุณให้ดี ป้องกันงูเข้าบ้านได้แบบ 100%