หาว 4 แบบ อาจไม่ใช่แค่ง่วง แต่เป็นสัญญาณเตือนโรคร้าย เสี่ยงอันตรายถึงชีวิต
สัญญาณอันตราย "การหาว" ผิดปกติ อาจเตือนโรคร้าย
การหาวเป็นปฏิกิริยาทางสรีรวิทยาปกติของร่างกาย มักเกิดขึ้นเมื่อเรารู้สึกเหนื่อย ง่วง หรือเบื่อ หน้าที่หลักคือช่วยปรับอุณหภูมิของสมองและเพิ่มปริมาณออกซิเจนให้ร่างกาย อย่างไรก็ตาม หากการหาวเกิดขึ้นมากเกินไป หรือเกิดขึ้นโดยไม่ถูกเวลา การหาวอาจกลายเป็นสัญญาณเตือนของโรคร้ายแรงที่หลายคนมักมองข้ามไป โดยเฉพาะ โรคหลอดเลือดสมอง (สโตรก) และ โรคมะเร็ง
หากการหาวผิดปกติปรากฏร่วมกับอาการอื่น ๆ ที่ไม่พึงประสงค์ ควรรีบสังเกตและปรึกษาแพทย์โดยด่วน เนื่องจากเป็นสัญญาณเตือนภาวะอันตรายถึงชีวิตได้ การหาวผิดปกติบ่งบอกถึงความพยายามของร่างกายในการปรับสมดุลหรือจัดการกับปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นในระบบประสาทหรือระบบเผาผลาญ
4 รูปแบบการหาวผิดปกติที่ต้องเฝ้าระวัง
1. หาวถี่และต่อเนื่องโดยไม่ทราบสาเหตุ
หากคุณหาวถี่ ๆ ต่อเนื่องเป็นชุด ทั้งที่ไม่ได้รู้สึกง่วงหรือเหนื่อย นั่นอาจไม่ใช่แค่ภาวะขาดออกซิเจน แต่เป็นสัญญาณเตือนความผิดปกติของระบบประสาท การหาวมากเกินไปจนควบคุมไม่ได้ถือเป็นหนึ่งในอาการที่อาจพบในภาวะก่อนเกิดโรคหลอดเลือดสมอง (TIA) หรือขณะเกิดสโตรก
สาเหตุอาจเกี่ยวข้องกับความผิดปกติในการควบคุมอุณหภูมิที่บริเวณก้านสมอง ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการหาวและการควบคุมอุณหภูมิร่างกาย เมื่อพื้นที่นี้ขาดเลือดจากภาวะหลอดเลือดตีบ การหาวอาจถูกกระตุ้นซ้ำ ๆ ในขณะที่ร่างกายพยายามลดอุณหภูมิและปรับสมองที่กำลังมีปัญหาอยู่
2. หาวร่วมกับอาการปวดศีรษะ เวียนศีรษะ หรือชาครึ่งหน้า
เมื่อการหาวเกิดร่วมกับอาการทางระบบประสาท นั่นเป็นสัญญาณอันตรายที่ชัดเจนของการเกิด โรคหลอดเลือดสมอง หากคุณหาวถี่ร่วมกับอาการปวดหัวรุนแรง เวียนศีรษะ หรือรู้สึกชาอ่อนแรงที่ใบหน้า แขน หรือครึ่งซีกของร่างกาย ควรรีบโทรเรียกรถพยาบาลทันที
การผสมผสานกันของอาการเหล่านี้บ่งบอกถึงปัญหาที่สมองส่วนหนึ่งอย่างชัดเจน การหาวผิดปกติหมายถึงปัญหาที่สมอง ขณะที่อาการทางระบบประสาทเป็นหลักฐานของการขาดเลือดหรือเลือดออกในสมอง สถานการณ์นี้แสดงถึงการไหลเวียนเลือดไปยังสมองที่กำลังเสียหายรุนแรง

3. หาวร่วมกับน้ำหนักลดหรืออ่อนเพลียเรื้อรัง
หากคุณหาวมากผิดปกติร่วมกับน้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ หรืออ่อนเพลียต่อเนื่อง ควรพิจารณาว่าเป็นสัญญาณของโรคมะเร็งบางชนิด การหาวอาจเกิดจากการพักผ่อนไม่พอหรือร่างกายอ่อนล้า แต่เมื่อมีน้ำหนักลดและเหนื่อยเรื้อรังร่วมด้วย อาจเกี่ยวข้องกับกระบวนการเผาผลาญที่ผิดปกติจากเนื้องอก
มะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งต่อมน้ำเหลือง หรือมะเร็งต่อมไทรอยด์ ทำให้ร่างกายหลั่งสารหรือฮอร์โมนที่รบกวนการนอน ส่งผลให้ร่างกายอ่อนล้าและใช้พลังงานมากเกินไป ความเหนื่อยล้าเรื้อรังนี้ทำให้ร่างกายเกิดอาการหาวมาก เนื่องจากร่างกายพยายามเพิ่มออกซิเจนและพลังงานให้เพียงพอ
4. หาวร่วมกับความผิดปกติด้านการมองเห็นหรือการพูด
หากการหาวเกิดร่วมกับอาการตามัว มองเห็นซ้อน หรือมีปัญหาในการพูด เช่น พูดลำบาก พูดไม่ชัด หรือปากเบี้ยว นั่นคือสัญญาณว่าศูนย์ควบคุมการมองเห็นหรือการพูดในสมองถูกกระทบกระเทือน
นี่อาจเป็นสัญญาณบ่งชี้การเกิด สโตรก ในสมองบริเวณเฉพาะทาง หรืออาจเกี่ยวข้องกับเนื้องอกในสมองที่กำลังโตจนกดทับเส้นประสาท การหาวจึงอาจเป็นปฏิกิริยาไม่ตั้งใจที่เกิดขึ้นก่อน หรือระหว่างที่อาการทางระบบประสาทปรากฏชัดเจน
สรุปข้อควรระวัง
แม้การหาวจะเป็นเรื่องปกติ แต่การหาวที่ถี่ผิดปกติและมาพร้อมกับอาการทางระบบประสาท เช่น อาการชา ปวดหัวรุนแรง หรือปัญหาการมองเห็น/การพูด ถือเป็นสัญญาณที่ไม่อาจมองข้าม ควรรีบปรึกษาแพทย์หรือไปโรงพยาบาลทันที เพื่อตรวจวินิจฉัยและรักษาภาวะ โรคหลอดเลือดสมอง หรือภาวะสุขภาพอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง