ไม่ใช่แค่โลกที่ร้อน! เหตุระทึกไฟไหม้กลางงานประชุม COP30 อพยพหนีตายด่วน (คลิป)
เกิดเหตุเพลิงไหม้สร้างความโกลาหลขึ้นระหว่าง "การประชุมว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งสหประชาชาติ" หรือ COP30 ที่เมืองเบเลง ประเทศบราซิล เมื่อวันพฤหัสบดี ส่งผลให้ผู้จัดงานต้องเร่งอพยพผู้เข้าร่วมทั้งหมดออกจากพื้นที่ทันที ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะยืนยันว่าควบคุมสถานการณ์ได้โดยไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บร้ายแรง
ผู้สื่อข่าวและผู้เข้าร่วมประชุมได้รับการแจ้งเตือนเป็นหนังสือเวียนว่าเกิด “เหตุเพลิงไหม้ในเขต B” พร้อมคำสั่ง “ให้อพยพออกจากสถานที่ทันที” ขณะที่สัญญาณเตือนภัยดังขึ้นทั่วศูนย์ประชุม และตำรวจต้องตั้งแถวปิดกั้นไม่ให้ผู้คนเข้าใกล้พื้นที่เกิดเหตุ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว เซลโซ ซาบีโน ระบุทางโทรทัศน์ของบราซิล shortly หลังเกิดเหตุว่า “เพลิงได้ถูกควบคุมไว้เรียบร้อยแล้ว” ขณะที่คณะผู้จัดงาน COP30 ออกแถลงการณ์ว่า ทีมดับเพลิงและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้ตอบสนองอย่างทันท่วงทีและยังคงตรวจสอบความปลอดภัยภายในพื้นที่อย่างใกล้ชิด
ผู้จัดงานยังยืนยันด้วยว่า พื้นที่จัดประชุมจะไม่เปิดอีกครั้งก่อนเวลา 20:00 น. ตามเวลาท้องถิ่น และมีความเสียหายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยมีผู้ได้รับผลกระทบจากการสูดดมควันไฟ 13 ราย ซึ่งทั้งหมดได้รับการรักษาแล้ว
ต่อมา เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่าสถานที่ประชุมสามารถกลับมาเปิดได้ในช่วงค่ำวันพฤหัสบดี และการเจรจาจะเริ่มต้นใหม่ในเช้าวันศุกร์
สำหรับการประชุม COP30 ครั้งนี้ ซึ่งกินเวลานาน 2 สัปดาห์และมีผู้เข้าร่วมหลายหมื่นคนจากทั่วโลก กำลังเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้าย โดยแม้วันสุดท้ายตามกำหนดคือวันศุกร์ที่ 21 พฤศจิกายน แต่ในหลายปีที่ผ่านมา การต่อเวลาการเจรจามักเกิดขึ้นบ่อยครั้งเพื่อให้ทุกฝ่ายสามารถบรรลุฉันทามติร่วมกันได้
ทั้งนี้ การประชุมยังล่าช้าจากเส้นตายที่ตั้งไว้เองในวันพุธ ซึ่งเป็นเดดไลน์ของการตกลงประเด็นสำคัญ เช่น แหล่งเงินทุนด้านสภาพภูมิอากาศ และแผนการลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล ทำให้คาดการณ์ได้ว่าการเจรจาอาจใช้เวลานานขึ้น แม้ก่อนจะเกิดเหตุเพลิงไหม้ในวันพฤหัสบดีก็ตาม
ขณะที่ อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ ได้ออกมากล่าวเรียกร้องให้ผู้แทนทุกฝ่าย “เจรจาด้วยความจริงใจ” และมุ่งหาข้อสรุปที่ “ทะเยอทะยานและยอมรับได้ร่วมกัน” โดยย้ำว่า “ทั่วโลกกำลังจับตามองเบเลงอยู่ รวมถึงชุมชนที่ได้รับผลกระทบโดยตรง ผู้ที่ต้องเผชิญบ้านเรือนถูกน้ำท่วม ผลผลิตเสียหาย และวิถีชีวิตที่สูญหาย และกำลังถามว่า พวกเขาต้องทนทุกข์อีกแค่ไหน?”