ลือหึ่ง "ซอสหอยนางรม" ก่อมะเร็ง? หมอเฉลย "3 เครื่องปรุง" นี้ต่างหากที่ต้องระวังยิ่งกว่า!
มีทุกบ้าน! 3 เครื่องปรุง "อันตราย" ยิ่งกว่าซอสหอยนางรม กินเพลินเสี่ยงโรคไม่รู้ตัว
เรื่องราวความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับอาหารการกินมักสร้างความตื่นตระหนกในโลกออนไลน์อยู่เสมอ โดยเฉพาะข่าวลือที่ว่า "ซอสหอยนางรม" เครื่องปรุงสามัญประจำบ้าน เป็นตัวการก่อมะเร็ง จนทำให้หลายคนไม่กล้าหยิบมาทำอาหาร แต่ความจริงเป็นอย่างไร และอะไรคือ "3 เครื่องปรุง" ที่แพทย์เตือนให้ระวังของจริง?
ต้นตอข่าวลือ: สาวเครียดหนัก นึกว่าเป็นมะเร็งเพราะกินซอสหอย
กรณีตัวอย่างจาก คุณจาง หญิงชาวมณฑลเสฉวน ผู้พิถีพิถันเรื่องการทำอาหารและชื่นชอบการใช้ซอสหอยนางรมเพื่อเพิ่มรสกลมกล่อม วันหนึ่งเธอไปเจอข่าวมั่วในโลกโซเชียลที่ระบุว่า "ซอสหอยนางรมมีสารก่อมะเร็ง หากกินติดต่อกันนานๆ จะเป็นอันตราย"
ด้วยความตกใจ เธารีบกลับไปเช็กขวดซอสที่บ้านและค้นหาข้อมูลอาการต่างๆ จนเครียดนอนไม่หลับ รุ่งเช้าจึงรีบไปโรงพยาบาลเพื่อขอตรวจคัดกรองมะเร็งทันที เพราะกลัวว่าการกินซอสมาหลายปีจะทำร้ายสุขภาพ
แพทย์เฉลยความจริง: ซอสหอยนางรม "ไม่ก่อมะเร็ง"
หลังจากแพทย์ซักประวัติและเห็นความกังวลของคุณจาง จึงได้อธิบายข้อเท็จจริงโดยอ้างอิงข้อมูลจาก ศาสตราจารย์หวัง ห่าว ผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์การอาหาร มหาวิทยาลัยเทียนจิน ว่าส่วนประกอบหลักของซอสหอยนางรมคือ สารสกัดจากหอยนางรมและเครื่องปรุงรสอย่างผงชูรส ซึ่งมีความปลอดภัย
ส่วนความเชื่อที่ว่า "เมื่อโดนความร้อนสูงจะเกิดสารพิษ" นั้น แท้จริงแล้วเมื่อซอสหอยนางรมหรือผงชูรสโดนความร้อน จะเกิดสารที่ชื่อว่า โซเดียม ไพโรกลูตาเมต (Sodium Pyroglutamate) ซึ่งสารนี้ "ไม่ก่อมะเร็ง" เพียงแต่จะทำให้ "รสอูมามิ (ความนัว) หายไป" เท่านั้นเอง ดังนั้นการใส่ซอสตอนอาหารใกล้สุกจึงเป็นเรื่องของรสชาติ ไม่ใช่ความปลอดภัย
เตือนภัยของจริง! "3 เครื่องปรุง" ที่อันตรายกว่า หากใช้เกินพอดี
แม้ซอสหอยนางรมจะไม่ใช่ผู้ร้าย แต่แพทย์เตือนว่าสิ่งที่น่ากลัวกว่าสารปรุงแต่ง คือพฤติกรรมการกิน "จัด" เกินไป โดยเฉพาะ 3 สิ่งนี้ที่มีอยู่ในครัวทุกบ้าน:
1. เกลือ (โซเดียม)
องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำให้ทานเกลือไม่เกิน 5 กรัม (ประมาณ 1 ช้อนชา) ต่อวัน แต่คนส่วนใหญ่บริโภคเกินไปเกือบเท่าตัว การกินเค็มจัดสะสมเสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูง เส้นเลือดในสมองแตก และโรคไต
2. น้ำมัน (ไขมัน)
การบริโภคไขมันมากเกินไป โดยเฉพาะจากของทอดหรือผัดน้ำมันเยิ้มๆ จะเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลในเลือด นำไปสู่ภาวะหลอดเลือดแข็งตัว และโรคหัวใจขาดเลือด
3. น้ำตาล
ความหวานที่มากเกินไปจะทำให้อ้วน ลงพุง และเพิ่มความหนืดของเลือด เสี่ยงต่อโรคเบาหวาน และอาจนำไปสู่การเกิดลิ่มเลือดอุดตันหรือภาวะสมองขาดเลือดได้
วิธีใช้เครื่องปรุงให้ปลอดภัยและอร่อย
แพทย์แนะนำหลักการง่ายๆ ในการปรุงอาหารเพื่อสุขภาพ ดังนี้:
- ลดปริมาณลง: ฝึกกินรสอ่อนลง ใช้เครื่องเทศธรรมชาติ เช่น กระเทียม ขิง หอมใหญ่ ช่วยชูรสแทนเครื่องปรุงเคมี
- ใส่ทีหลัง: หลีกเลี่ยงการผัดเครื่องปรุงด้วยความร้อนสูงจัดเป็นเวลานาน แนะนำให้ใส่ตอนใกล้เสร็จเพื่อคงรสชาติและคุณค่า
- เก็บรักษาให้ถูก: เครื่องปรุงประเภทซอส (เช่น ซอสหอยนางรม เต้าเจี้ยว) เมื่อ "เปิดขวดแล้ว ต้องแช่ตู้เย็น" เสมอ เพื่อป้องกันเชื้อราและแบคทีเรียที่อาจก่อตัวในอุณหภูมิห้อง
- อ่านฉลาก: เลือกสูตรลดโซเดียม และดูวันหมดอายุอย่างสม่ำเสมอ
แล้วควรกินอย่างไรให้ไกลโรค?
สรุปแล้ว "ความพอดี" คือกุญแจสำคัญของการมีสุขภาพดี ไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนกกับข่าวลือจนเลิกใช้เครื่องปรุงรสที่คุ้นเคย แต่ควรหันมาโฟกัสที่การลดปริมาณ หวาน-มัน-เค็ม ในมื้ออาหารแต่ละวัน ซึ่งเป็นศัตรูเงียบตัวจริง เพียงแค่ปรับลิ้นให้ชินกับรสธรรมชาติและเลือกกินอย่างมีสติ คุณก็สามารถมีความสุขกับอาหารอร่อยได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องโรคร้ายถามหา
- กูรูสหรัฐฯ พูดชัด 1 อาหารที่ "ไม่มีวันกิน!!!" เพราะแบคทีเรียเยอะมาก แต่คนไทยยังกินอยู่
- อุทาหรณ์ชีวิต หนุ่มอายุแค่ 27 ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย ต้นเหตุคือ "เมนูโปรด" กินทุกคืนไม่เบื่อ!
