สหรัฐอัปเดตวิธี “ออกกำลังกาย” ให้กล้ามเนื้อแข็งแรง-ลดไขมันได้มากขึ้น
การออกกำลังกายไม่ว่าจะเป็นการคาร์ดิโอ หรือเวทลิฟติ้ง (ยกเวท) ก็ดีต่อร่างกายด้วยกันทั้งนั้น เพราะช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับหัวใจ และกล้ามเนื้อในส่วนต่างๆ ให้ร่างกายแข็งแรงทั้งภายใน และภายนอก นอกจากจะได้รูปร่างดีๆ แล้วยังช่วยลดความเสี่ยงโรคอันตรายหลายๆ โรค เช่น เบาหวาน หัวใจและหลอดเลือด และยังช่วยปรับอารมณ์ และคุณภาพชีวิตโดยรวมให้ดีขึ้นได้อีกด้วย
กรมส่งเสริมสุขภาพ รัฐบาลกลางสหรัฐ ออกแนวทางในการออกกำลังกายฉบับใหม่ให้ทุกคนได้ลองทำตามกัน เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นอย่างถูกวิธี และเพื่อให้การออกกำลังกายมีประสิทธิภาพต่อร่างกายมากขึ้นด้วย จะเหมือน หรือแตกต่างไปจากที่เคยทำกันมาอย่างไร ลองมาเช็กกัน
แนวทางการ “ออกกำลังกาย” ที่จะทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรง-ลดไขมันได้มากขึ้น
คนหนุ่มสาวย่อมได้รับประโยชน์จากการออกกำลังกายแตกต่างจากผู้สูงอายุ โดยเด็กๆ วัยประถมจะทำให้โกรทฮอร์โมนทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยให้กระดูก และกล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้น รวมถึงสุขภาพของหลอดเลือดหัวใจก็ดีขึ้นด้วย สำหรับผู้ใหญ่ที่ออกกำลังกายจะทำให้ร่างกายสมดุล ลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บ ทรงตัวได้ดี และทำกิจกรรมต่างๆ ได้ด้วยตัวคนเดียวได้ดีขึ้น
เราควรออกกำลังกายมากน้อยแค่ไหน?
จริงๆ แล้วความบ่อย หรือความหนักของการออกกำลังกายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับอายุ เพศ ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ โรคประจำตัว และอื่นๆ แต่โดยทั่วไปแล้วหากคุณอยู่ในวัย 18-40 ปี ที่มีร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ คุณควรออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาทีติดต่อกัน
- เด็กวัยก่อนเข้าเรียน หรือ 3-5 ปี ควรเล่นกีฬา และทำกิจกรรมต่างๆ ที่มีช่วงเล่น และช่วงพักสลับกันไปติดต่อกันไม่เกินวันละ 3 ชั่วโมง
- วัยเด็กถึงวัยรุ่น อายุ 6-17 ปี ควรออกกำลังกายวันละ 1 ชั่วโมง อย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยเน้นการออกกำลังกายที่เน้นใหกระดูก และกล้ามเนื้อแข็งแรง
- ผู้ใหญ่ ควรออกกำลังกายอย่างน้อย 1.30-3 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ สำหรับการออกกำลังกายแนวแอโรบิคเบาๆ อีก 1.15-1.30 ชั่วโมง สำหรับการออกกำลังกายแบบแอโรบิคหนักๆ และออกกำลังกายเสริมสร้างกล้ามเนื้ออีก 2 วันต่อสัปดาห์
- หญิงตั้งครรภ์ สามารถออกกำลังกายแบบแอโรบิคแบบเบาๆ ไปถึงระดับกลางได้ 1.30 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
- หากเป็นการออกกำลังกายอย่างเข้มข้นตลอดทุกนาที ไม่ควรออกกำลังกายติดต่อกันเกิน 1.30 ชม. เพราะอาจทำให้ร่างกายอ่อนล้ามากเกินไปจนเป็นอันตรายกับกล้ามเนื้อ และอาจหน้ามืด หมดแรง หมดสติได้
- ผู้ที่มีโรคประจำที่เกี่ยวข้องกับหัวใจ ปอด และอื่นๆ รวมไปถึงผู้พิการ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนออกกำลังกาย เพื่อวางแผนการออกกำลังกายให้เหมาะสมกับร่างกายของตัวเองโดยเฉพาะ