เนื้อหาในหมวด สุขภาพ

5 วิธีเปลี่ยนคน “ขี้เกียจ” เป็นคนขยัน “ออกกำลังกาย” ได้ง่ายๆ

5 วิธีเปลี่ยนคน “ขี้เกียจ” เป็นคนขยัน “ออกกำลังกาย” ได้ง่ายๆ

คุณเป็นคนหนึ่งหรือเปล่าที่ขี้เกียจออกกำลังกาย ถ้าใช่ เรามีวิธีง่ายๆ ที่จะเปลี่ยนนิสัยของคุณให้หันมาชอบออกกำลังกายมากขึ้นได้

5 วิธีเปลี่ยนคน “ขี้เกียจ” เป็นคนขยัน “ออกกำลังกาย” ได้ง่ายๆ

  • หาวิธีออกกำลังกายที่ชอบให้ได้

  • การที่คุณขี้เกียจออกกำลังกาย พยายามหาข้ออ้างนู่นนี่มาบอกตัวเองไม่ให้ออกกำลังกาย นั่นเพราะว่าคุณไม่มีแพชชั่น หรือไม่มีแรงจูงใจให้ต้องทำในสิ่งที่ไม่ชอบนั่นเอง ถ้าคุณเป็นคนไม่ชอบวิ่ง คุณก็จะไม่อยากวิ่งแล้วพยายามหาข้ออ้างมาผัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อยๆ

    วิธีออกกำลังกายมีอยู่มากมายไม่ใช่แค่เพียงการวิ่ง ปั่นจักรยาน หรือเล่นเครื่องเล่นในฟิตเนส คุณควรหาวิธีออกกำลังกายที่คุณรู้สึกสนุกไปกับมันให้ได้มากที่สุด วิธีที่จะทำให้คุณรู้ตัวเองว่าคุณชอบออกกำลังกายแบบไหน ก็คือการทดลองออกกำลังกายในแบบต่างๆ เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ลองวิ่งดู ถ้าไม่ชอบพรุ่งนี้ไปปั่นจักรยาน ถ้าไม่ชอบพรุ่งนี้ไปว่ายน้ำ ถ้าไม่ชอบพรุ่งนี้ไปแอโรบิค หรือจะต่อยมวย ตีแบดมินตันกับเพื่อน โยคะ พิลาทิส หรือแม้กระทั่งเดิน มันต้องมีสักอย่างแน่นอนที่คุณชอบมากที่สุด

  • คนอ้วนเริ่มออกกำลังกายด้วยวิธีการออกกำลังกายที่ลดแรงกระแทก

  • สำหรับคนอ้วนที่ขาดการออกกำลังกายเป็นประจำ มักเป็นกลุ่มที่ล้มเหลวในการเริ่มต้นออกกำลังกายมากที่สุด ด้วยความที่ไม่ได้ออกกำลังกายเลย กล้ามเนื้อก็ไม่แข็งแรง เหนื่อยง่าย เจ็บปวดกล้ามเนื้อได้ง่ายด้วยน้ำหนักตัวที่มากกว่าปกติ ซึ่งจะเป็นสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้กลุ่มคนอ้วนล้มเลิกการออกกำลังกายไป ดังนั้นสำหรับคนอ้วนจึงควรเลือกวิธีออกกำลังกายที่ช่วยลดแรงกระแทกก่อน เพื่อลดอาการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นระหว่างออกกำลังกายได้ เช่น

    • โยคะ ช่วยให้ร่างกายมีความสมดุลของระบบต่าง ๆ เช่น ระบบไหลเวียนเลือด ระบบทางเดินหายใจ ระบบประสาท ช่วยลดความเครียด
    • ว่ายน้ำ เสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และหัวใจและหลอดเลือดที่จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ เช่น โรคความดัน โรคหัวใจ
    • การเดิน เป็นกิจกรรมที่ใช้แรงในการออกกำลังน้อย แต่ช่วยทำให้ระบบเผาผลาญของร่างกายทำงานอย่างเป็นระบบ และยังช่วยสร้างกล้ามเนื้อที่แข็งแรง
    • การปั่นจักรยาน ช่วยให้กล้ามเนื้อของร่างกายมีการขยับไปทุกส่วน และช่วยเพิ่มความฟิตของกล้ามเนื้อ
  • ไม่จำเป็นต้องออกกำลังกายทุกวัน

  • การออกกำลังกายเป็นประจำไม่ได้หมายความว่าต้องออกกำลังกายทุกวันก็ได้ ควรออกกำลังกายอย่างน้อย 3-5 วัน วันละ 30 นาที - 1 ชั่วโมงก็เพียงพอแล้ว ในทางตรงกันข้าม การออกกำลังกายอย่างหนักติดต่อกันทุกวันอาจส่งผลเสียต่อร่างกายมากกว่า เช่น ภาวะกล้ามเนื้อสลาย หรือภูมิคุ้มกันบกพร่องเนื่องจากระบบภายในร่างกายทำงานหนักเกินไป

  • คาร์ดิโอผสมเวทเทรนนิ่ง

  • การออกกำลังกายแบ่งออกเป็นประเภทใหญ่ๆ ได้ 2 ประเภท ได้แก่ การออกกำลัง “หัวใจ” ที่เรามักเรียกว่า “คาร์ดิโอ” เป็นการเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับ “หัวใจ” โดยเฉพาะ พูดง่ายๆ ว่าทำให้หัวใจแข็งแรง ส่งผลให้เราไม่เหนื่อยง่ายจนเกินไปนั่นเอง โดยการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอที่เป็นที่นิยม ได้แก่ วิ่ง ปั่นจักรยาน แอโรบิค ว่ายน้ำ โดยจะสังเกตได้ว่าเป็นการออกกำลังกายที่ทำให้เรารู้สึกเหนื่อยหอบ

    ส่วนอีกประเภทคือ เวทเทรนนิ่ง เป็นการออกกำลังกายที่ทำให้ “กล้ามเนื้อ” ในส่วนต่างๆ ของร่างกายของเราแข็งแรง ซึ่งสำคัญไม่แพ้กับคาร์ดิโอ เพราะเป็นการส่งเสริมให้การออกกำลังกายของอีกแบบได้ประสิทธิภาพมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น หากคุณคาร์ดิโอด้วยวิธีปั่นจักรยาน แล้วคุณเวทเทรนนิ่งที่กล้ามเนื้อขาด้วย เมื่อขาของคุณมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรง คุณก็จะปั่นจักรยานได้นานขึ้นหรือเร็วขึ้นด้วยนั่นเอง

    นอกจากนี้การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอผสมเวทเทรนนิ่งยังช่วยไม่ให้คุณรู้สึกเบื่อง่าย หรือแม้กระทั่งการเปลี่ยนส่วนของร่างกายในการออกกำลังกาย เมื่อวานปวดกล้ามเนื้อขาจากการปั่นจักรยานมาก วันนี้เลยมาเวทเทรนนิ่งแขนแทนก็ได้ เป็นต้น

  • ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ

  • เป็นอีกสิ่งที่ควรทำกับการออกกำลังกายในช่วงวัยนี้ โดยเมื่อได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญอย่าง Personal Trainer จะช่วยให้เราสามารถออกกำลังกายถูกต้อง ตรงจุด ครบถ้วนเหมาะสมกับวัย และไม่ต้องกังวลจะเกิดปัญหาอาการบาดเจ็บต่างๆ ได้ นอกจากนี้การมีผู้เชี่ยวชาญที่ดูแลเราอย่างใกล้ชิด จะทำให้เรามีวินัยในการออกกำลังกายได้มากขึ้นอีกด้วย

    วิ่ง VS เดินเร็ว แบบไหนเผาผลาญพลังงานได้มากกว่ากัน?

    วิ่ง VS เดินเร็ว แบบไหนเผาผลาญพลังงานได้มากกว่ากัน?

    วิ่ง VS เดินเร็ว แบบไหนเผาผลาญพลังงานมากกว่า? ไขคำตอบถ้าวิ่งกับเดินเร็วในระยะทางเท่ากัน พลังงานที่ใช้จะต่างกันหรือไม่

    เดินเร็ววันละ 15 นาที กุญแจสู่ชีวิตยืนยาวและสุขภาพดี

    เดินเร็ววันละ 15 นาที กุญแจสู่ชีวิตยืนยาวและสุขภาพดี

    เดินเร็ววันละ 15 นาที ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ เสริมภูมิคุ้มกัน ควบคุมน้ำหนัก และยืดอายุ งานวิจัยยืนยันสุขภาพดีเริ่มได้ง่าย ๆ แค่เดินเร็วทุกวัน

    วิธีบรรเทาอาการ “ปวดหลัง” ตั้งแต่ยืน เดิน นั่ง นอน

    วิธีบรรเทาอาการ “ปวดหลัง” ตั้งแต่ยืน เดิน นั่ง นอน

    อาการปวดหลัง อาจไม่ได้มาจากโรคร้าย แต่อาจเกิดจากพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการเดิน นั่ง หรือแม้แต่นอนผิดท่า รู้ไว้ก่อนปวดเรื้อรัง