เนื้อหาในหมวด สุขภาพ

5 สัญญาณอันตราย “ตับ” กำลังมีปัญหา

5 สัญญาณอันตราย “ตับ” กำลังมีปัญหา

นพ.นันทพล พงศ์รัตนามาน อาจารย์ที่ปรึกษา แผนกศัลยศาสตร์หลอดเลือด ร.พ.พระมงกุฎเกล้า หรือ หมอท็อป ระบุถึงสัญญาณอันตราย อาการเริ่มต้นที่บ่งบอกว่า “ตับ” ของคุณกำลังมีปัญหา ดังนี้

5 สัญญาณอันตราย “ตับ” กำลังมีปัญหา

  • ผลแล็ปค่าตับสูงขึ้น จากการตรวจสุขภาพประจำปี
  • มีอาการคันทั่วตัวตลอดเวลา เพราะตับเริ่มล้างสารพิษออกจากร่างกายไม่ค่อยทัน
  • ตัวเหลือง ตาเหลือง หรือที่เรียกว่า ดีซ่าน
  • ท้องมาน พุงป่อง
  • อาเจียนเป็นเลือดในปริมาณมากๆ อาจเสี่ยงเป็นตับแข็งระยะสุดท้าย
  • ตับพัง ฮอร์โมนพัง

    นอกจากอาการที่สังเกตได้แล้ว เมื่อไรที่ตับทำงานได้ไม่ค่อยมีประสิทธิภาพเช่นเคย จะส่งผลต่อการทำงานของฮอร์โมนทุกอย่างในร่างกายด้วย ร่างกายสูญเสียสมดุล และเริ่มมีอาการผิดปกติทีละอย่างสองอย่าง

    ปัจจัยทำลายตับ

    สิ่งที่ค่อนข้างชัดเจนว่าเป็นสิ่งที่ทำลายสุขภาพของตับ มาจากอาหารการกิน ไม่เพียงแค่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงอาหารที่มีน้ำตาล และแป้งที่ผ่านกระบวนการแปรรูปต่างๆ สูงด้วย

    วิธีดูแลตับให้แข็งแรง

    ตับ เป็นหนึ่งในอวัยวะไม่กี่อย่างในร่างกายที่สามารถฟื้นฟูสุขภาพของตัวเองให้ดีขึ้นได้ด้วยตัวเอง เพียงหยุดทำลายตับ โดยลดการบริโภคแป้งและน้ำตาลมากเกินไป ลดการดื่มแอลกอฮอล์ และกินอาหารที่ช่วยส่งเสริมให้ตับดีขึ้น เพียงเท่านี้ก็ช่วยให้ตับค่อยๆ ฟื้นฟูตัวเองและทำงานได้อย่างประสิทธิภาพไปได้เรื่อยๆ

    ตับหมู ตับเป็ด ตับไก่ ตับวัว ต่างกันอย่างไร? เลือกให้เหมาะกับสุขภาพ

    ตับหมู ตับเป็ด ตับไก่ ตับวัว ต่างกันอย่างไร? เลือกให้เหมาะกับสุขภาพ

    เปรียบเทียบตับหมู ตับเป็ด ตับไก่ ตับวัว ต่างกันอย่างไร? สรุปข้อดี-ข้อเสีย พร้อมแนะนำตับชนิดที่เหมาะกับสุขภาพ กินอย่างไรให้ได้ประโยชน์สูงสุดตามหลักโภชนาการ

    ทานอาหารเสริมอย่างไร ไม่ให้ตับอักเสบ-ติดเชื้อในกระแสเลือด

    ทานอาหารเสริมอย่างไร ไม่ให้ตับอักเสบ-ติดเชื้อในกระแสเลือด

    อันตราย จากอาหารเสริม ที่คิดว่าจะดีต่อร่างกาย แต่กลับกลายเป็นทำร้ายตัวเอง หากทานไม่ถูกต้อง แล้วต้องทานอาหารเสริมอย่างไร ไม่ให้ตับอักเสบ ติดเชื้อในกระแสเลือด

    น้ำมันตับปลา VS น้ำมันปลา เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร?

    น้ำมันตับปลา VS น้ำมันปลา เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร?

    น้ำมันปลา และ น้ำมันตับปลา แม้จะมีชื่อคล้ายกัน แต่เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความแตกต่างอย่างมาก ทั้งในด้านแหล่งที่มา สารอาหารสำคัญ และประโยชน์ที่ร่างกายจะได้รับ โดยแต่ละชนิดมีข้อดีเฉพาะตัวที่เหมาะสำหรับกลุ่มผู้ใช้งานที่แตกต่างกัน