เนื้อหาในหมวด สุขภาพ

5 เคล็ดลับเร่งเผาผลาญไขมัน ทำได้ผอมไวแน่

5 เคล็ดลับเร่งเผาผลาญไขมัน ทำได้ผอมไวแน่

ใครๆ ก็ทราบดีกว่าการออกกำลังกาย และควบคุมอาหาร เป็นหนทางสู่การลดน้ำหนักอย่างยั่งยืน แต่กว่าจะผอมอย่างยั่งยืนก็ใช้เวลานานหลายเดือนหลายปีเหมือนกัน แต่ Sanook! Health มีเคล็ดลับที่จะช่วยเร่งการเผาผลาญมาฝากกันค่ะ ทำได้ตามนี้ รับรองผอมเร็วผอมไวยิ่งขึ้นแน่นอน

 

1. ทานอาหาร และออกกำลังกายให้เหมาะสมกับตัวเองโดยเฉพาะ

เคยตั้งใจลดน้ำหนักกับเพื่อนซี้ ออกกำลังกายก็เท่ากัน กินก็กินเหมือนกัน แต่ทำไมเพื่อนผอมลง แล้วเราไม่ลดเลยบ้างหรือเปล่าคะ นั่นก็เพราะคุณกำลังออกกำลังกาย และทานอาหารไม่เหมาะกับตัวเองอยู่ ถ้าอยากรู้ว่าต้องทานเท่าไรถึงจะไม่เกินพอดี ต้องคำนวณค่า Basal Metabolic Rate (BMR) หรือจำนวนพลังงานที่คุณต้องการในแต่ละวันค่ะ

 

วิธีคิดค่า Basal Metabolic Rate (BMR)

สำหรับผู้ชาย : BMR = 66 + (13.7 x น้ำหนักตัวเป็น กก.) + (5 x ส่วนสูงเป็น ซม.) – (6.8 x อายุ)

สำหรับผู้หญิง : BMR = 665 + (9.6 x น้ำหนักตัวเป็น กก.) + (1.8 x ส่วนสูงเป็น ซม.) – (4.7 x อายุ)

เห็นไหมว่า น้ำหนัก ส่วนสูง และอายุ ก็มีส่วนในการเผาผลาญพลังงานในแต่ละวันของเราด้วยนะ

 

ทีนี้ ถ้าอยากลดน้ำหนัก ก็ต้องเผาผลาญพลังงานออกไป ให้ได้มากกว่าพลังงานจากอาหารที่เราได้รับ เพราะฉะนั้นหากอยากรู้ว่า ถ้าเราเป็นคนออกกำลังกายเบา กลางๆ หรืออย่างหนัก เราจะเผาผลาญพลังงานไปได้เท่าไร ก็เอาค่า BMR ที่ได้ มาคูณกับเลขจำนวนนี้เลย

 

นั่งทำงานอยู่กับที่ และไม่ได้ออกกำลังกายเลย = BMR x 1.2

ออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาเล็กน้อย ประมาณอาทิตย์ละ 1-3 วัน = BMR x 1.375

ออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาปานกลาง ประมาณอาทิตย์ละ 3-5 วัน = BMR x 1.55

ออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาอย่างหนัก ประมาณอาทิตย์ละ 6-7 วัน = BMR x 1.725

ออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาอย่างหนักทุกวันเช้าเย็น = BMR x 1.9

 

เพราะฉะนั้น จะออกกำลังกายเบา หรือหนักแค่ไหน คุณก็เลือกให้เหมาะสมกับตัวเองได้ตามต้องการเลย

 

2. เลือกการออกกำลังกายให้เหมาะสมกับตัวเอง

ใครที่มีน้ำหนักตัวมากๆ อาจจะมีปัญหาเรื่องขา หรือข้อเข่า มาถึงจะวิ่งบนลู่วิ่งตุบๆ เลย ขาก็อาจจะปวดได้ ใครที่มีน้ำหนักตัวมาก หรือราวๆ 80 กิโลกรัมขึ้นไป ลองเลือกการออกกำลังกายเป็นว่ายน้ำ หรือปั่นจักรยานเบาๆ แรงต้านทานเบาๆ แต่นานๆ แทน

ส่วนใครที่แทบไม่เคยออกกำลังกายเลย จู่ๆ จะมาออกกำลังกายอย่างหนักตั้งแต่วันแรก ร่างกายก็อาจจะไม่พร้อมกับการออกกำลังกายกะทันหันแบบนี้ วันรุ่งขึ้นปวดเมื่อยเนื้อตัว จนไม่สามารถไปออกกำลังกายได้อีก อันนั้นก็หนักเกินไป

ดังนั้น ควรออกกำลังกายให้เหมาะสมกับพละกำลังของตัวเอง ฝืนเท่าที่จะฝืนได้ รู้ลิมิตของตัวเองว่าทำได้แค่ไหน แล้วอาศัยความสม่ำเสมอในการออกกำลังกายให้บ่อยครั้งขึ้นแทน

 

3. อย่าตะบี้ตะบันเบิร์นไขมันอย่างเดียว

คนที่อยากผอม มักเลือกออกกำลังกายที่เราเรียกว่า “คาร์ดิโอ” เพราะเป็นการเผาผลาญพลังงานได้เป็นอย่างดี จึงเป็นหนทางสู่การผอมเร็วผอมไว แต่อันที่จริงแล้ว เวทเทรนนิ่งก็สำคัญ เพราะหากกล้ามเนื้อไม่แข็งแรง เราก็จะคาร์ดิโอได้ไม่เต็มที่เช่นเดียวกัน ดังนั้นควรออกกำลังกายทั้งแบบคาร์ดิโอ และเวทเทรนนิ่งควบคู่กันไปด้วย หากมีเวลาออกกำลังกายวันละ 1 ชั่วโมง อาจจะวิ่ง 40 นาที และยกดัมเบลอีก 20 นาทีก็ได้

 

4. ท่าออกกำลังกายง่ายๆ แต่เบิร์นได้แรง!

แทนที่จะออกกำลังกายด้วยท่าง่ายๆ สไตล์ลุงป้าหน้าห้างสรรพสินค้า วัยรุ่นอย่างเราลองเปลี่ยนท่าออกกำลังกายแบบแอโรบิคที่แอดวานซ์ขึ้น แต่ง่ายและเห็นผลสุดๆ อย่างท่า Squat Jump ช่วยเผาผลาญพลังงานได้มากกว่าท่าออกกำลังกายอื่นๆ หรือบรรดาท่าออกกำลังกายที่เราต้องนั่งๆ ลุกๆ เช่น การลงไปวิดพื้นแล้วสปริงตัวยืนขึ้น แล้วลงไปวิดพื้นใหม่ ก็จะช่วยเผาผลาญพลังงานได้มากกว่าการนอนวิดพื้นอยู่เฉยๆ

 


ท่า Squat Jump

 

5. เซย์โน กับการไดเอตแบบด่วนๆ

ควบคุมปริมาณอาหารเป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆ ในการลดน้ำหนัก แต่ครั้นจะทานแค่ไข่ต้ม 1 ฟอง แล้วไปออกกำลังกายหนักๆ มีหวังเป็นลมแย่ เพราะฉะนั้นเราขอห้ามเด็ดขาด การทานแค่แมวดม แล้วแบกเป้ไปออกกำลังกาย เพราะคุณจะไม่มีพลังงานมากพอที่จะไปเผาผลาญ และเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้ร่างกายแข็งแรง มีแต่จะไปเป็นลมในฟิตเนสมากกว่า เพราะฉะนั้น ใช้สูตรจากข้อ 1 แล้วเลือกทานอาหารให้เพียงพอกับความต้องการของเราในแต่ละวัน นอกนั้นปล่อยให้เป็นหน้าที่ของร่างกายที่จะเผาผลาญพลังงานจากการออกกำลังกายเป็นประจำของเราเองจะดีกว่า

 

เคล็ดลับง่ายๆ เพียงเท่านี้ คุณเป็นเจ้าของเรือนผอมสวยสุขภาพดี พร้อมกล้ามเนื้อแน่นๆ ไม่ไหลย้วย ใส่เสื้อผ้าอะไรก็ดูดีได้แล้วล่ะค่ะ มา! เรามาสู้ด้วยกันดีกว่าเนอะ สู้ๆ!

 

ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก kcal.memo8.com
ภาพประกอบจาก istockphoto

วิ่ง VS เดินเร็ว แบบไหนเผาผลาญพลังงานได้มากกว่ากัน?

วิ่ง VS เดินเร็ว แบบไหนเผาผลาญพลังงานได้มากกว่ากัน?

วิ่ง VS เดินเร็ว แบบไหนเผาผลาญพลังงานมากกว่า? ไขคำตอบถ้าวิ่งกับเดินเร็วในระยะทางเท่ากัน พลังงานที่ใช้จะต่างกันหรือไม่

เดินเร็ววันละ 15 นาที กุญแจสู่ชีวิตยืนยาวและสุขภาพดี

เดินเร็ววันละ 15 นาที กุญแจสู่ชีวิตยืนยาวและสุขภาพดี

เดินเร็ววันละ 15 นาที ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ เสริมภูมิคุ้มกัน ควบคุมน้ำหนัก และยืดอายุ งานวิจัยยืนยันสุขภาพดีเริ่มได้ง่าย ๆ แค่เดินเร็วทุกวัน

วิธีบรรเทาอาการ “ปวดหลัง” ตั้งแต่ยืน เดิน นั่ง นอน

วิธีบรรเทาอาการ “ปวดหลัง” ตั้งแต่ยืน เดิน นั่ง นอน

อาการปวดหลัง อาจไม่ได้มาจากโรคร้าย แต่อาจเกิดจากพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการเดิน นั่ง หรือแม้แต่นอนผิดท่า รู้ไว้ก่อนปวดเรื้อรัง