รีวิว BLADE RUNNER 2049 - เมื่อมนุษย์จำลองพยายามทำความเข้าใจมนุษย์
คนทั่วไปอาจจะรู้สึกไม่คอนเนคกับหนังเพราะหน้าหนังอาจจะทำให้คนดูทั่วไปที่ไม่เข้าใจว่า BLADE RUNNER นั้นไม่ใช่หนังแอ็คชั่นตูมตามโลกอนาคตแบบ Ghost in the shell แต่อันที่จริงมันเป็นหนังฟิล์มนัวร์ สืบสวนสอบสวน ที่ซ้อนทับด้วยปรัชญาและแนวคิดการตั้งคำถามถึงจิตวิญญาณของมนุษย์
อย่างไรก็ตาม BLADE RUNNER 2049 ก็ไม่ใช่หนังเร้าอารมณ์ผู้ชมแบบสุดโต่ง มันค่อนข้างเนิบช้าค่อยเป็นค่อยไป เราจะได้ตามติดชีวิตของเค (ไรอัน กอสลิ่ง) ในการตามปราบเหล่ามนุษย์จำลอง (เรปลิเคนท์) รุ่นเก่า ในขณะที่คนดูก็รับทราบตั้งแต่แรกว่า เคนั้นคือมนุษย์จำลองรุ่นใหม่ ที่เชื่อฟังในคำสั่งของผู้บัญชาการและไม่ได้คิดฝ่าฝืนแบบมนุษย์จำลองรุ่นแรกที่เกิดการกบฏ (แบบในหนังภาคแรก) ภารกิจของเขาคือตามสังหารเหล่ามนุษย์จำลองที่หลบหนีอยู่ตามพื้นที่ต่างๆของโลก แม้ว่าพวกเขาจะอยู่เงียบๆอย่างสันติก็ตาม
แต่ในภารกิจล่าสุดที่เขาต้องไปสังหารแซปเปอร์ มอร์ตัน(เดฟ บาทิสต้า) ทำให้เขาได้รับรู้ความจริงที่น่าตกใจที่ว่า ในบริเวณต้นไม้ข้างบ้านของเขามีหีบสมบัติซึ่งภายในนั้นมีร่างของมนุษย์ทดลองรุ่นเก่า ยิ่งไปกว่านั้น "เธอ" ยังได้ให้กำเนิด "บุตร" ขึ้นมาอีกด้วย ความจริงดังกล่าวกลายเป็นเรื่องใหญ่โตถ้าหากมันเกิดรั่วไหลออกไปยังโลกภายนอก แน่นอนว่ามันจะก่อให้เกิดจลาจล สงครามระหว่างมนุษย์จริงๆและมนุษย์จำลอง ทำให้เคได้รับมอบหมายให้ตามหา "เด็กคนนั้น" และปิดทุกอย่างให้กลายเป็นความลับไปตลอดกาล
นอกเหนือจากภารกิจหลัก หนังยังพาคนดูไปสำรวจชีวิตปกติของเคที่ เขาหาความสุขให้กับตนเองผ่านเครื่องสร้างภาพเสมือนอย่าง "จอย" (แอนนา ดี อาร์แมส) ซึ่งเธอเป็นเหมือนผู้หญิงคนรักที่ถูกตั้งโปรแกรมตอบสนอง ราวกับเธอเป็นมนุษย์จริงๆและโหยหา "สัมผัส" อย่างแท้จริง ซึ่งมันยิ่งตั้งคำถามให้กับคนดูว่า การที่เคเป็นมนุษย์เสมือน แต่เขาก็โหยหาความรักเฉกเช่นมนุษย์ปกติ แล้วอะไรกันคือความแตกต่างระหว่างมนุษย์จริงกับมนุษย์เสมือน เส้นแบ่งดังกล่าวจึงยังเบาบางขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเปรียบเทียบกับหนังภาคแรก
การที่เคยิ่งสืบหาความจริงเกี่ยวกับ "บุตร" คนนั้นยิ่งทำให้เขามีวิธีการมองโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ยังไม่รวมไปถึงการเล่าเหตุการณ์ร่วมที่ไนแอนเดอร์ วอลเลส (จาเร็ด เลโต้) พยายามสร้างมนุษย์ทดลองที่สามารถ "ตั้งครรภ์" เองได้เพื่อประกาศศักดาว่ามนุษย์ทดลองนั้นก็มีชีวิตและสืบพันธุ์ได้ไม่ต่างจากมนุษย์
อันที่จริงใน BLADE RUNNER 2049 อาจจะมีเส้นเรื่องบางอย่างที่นำไปสู่เหตุการณ์ใหญ่ๆได้ตลอดเวลา แต่หนังก็เลือกจะเล่าในมุมของตัวละครเล็กๆอย่างเค อยู่ตลอดเวลา ทั้งที่จริงแล้วไคลแมกซ์ (ที่ยังมาไม่ถึง และอาจจะไม่มีวันมาถึง) ที่แท้จริงนั้นอาจจะนำไปสู่สงครามระหว่างเผ่าพันธุ์มนุษย์จริงและมนุษย์จำลองก็ตาม ทำให้ไคลแมกซ์ของหนังเรื่องนี้เป็นแค่เพียงฉากต่อสู้ระหว่างเคและเลิฟ (ซิลเวีย โฮเอก) ที่เขื่อนริมฝั่งเมืองเท่านั้น
แน่นอนว่าบรรดาคอหนังแอ็คชั่นที่มองหาหนังระเบิดโครมครามต่อยตีกันอย่างบ้าคลั่งแบบหนังมาร์เวล หรือหนังไมเคิล เบย์คงเกิดอาการหาวหลายหวอดว่ากำลังดูหนังอะไรอยู่ แต่สำหรับคนที่ชื่นชอบหนังปรัชญา หรือหนังที่ตั้งคำถามถึงมนุษย์ น่าจะชื่นชอบหนังเรื่องนี้ได้อย่างไม่ยาก เหนืออื่นใดคือถ้าเราจะอธิบายคำจำกัดความให้กับหนังเรื่องนี้ก็คือมันเป็นหนังไซไฟ ดราม่าที่ตัวละครกำลังค้นหาความเป็นมนุษย์อยู่นั่นเอง